วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Race 1 นครธนมินิมาราธอน งานแรกในชีวิต

ไม่น่าเชื่อว่า เราจะผ่านเหตุการณ์เฉียดจะได้วิ่งมินิมาราธอนมาหลายหน ได้รับการชวนจากกลุ่มเพื่อนหลายกลุ่ม  แต่ใจตอนนั้นคิดอยู่เสมอว่า "มรึงบ้าหรือป่าว ตื่นเช้าๆ ไปวิ่ง 10 กม กรูทำไม่ได้หรอก" และมักจะปฏิเสธคำชวนอยู่ร่ำไป ไม่มีสักครั้งที่จะตอบรับการเข้าร่วมกับเพื่อนๆ

หลังจากการปฏิวัติตัวเองมาออกกำลังกาย โดยเริ่มจาก 5 รอบ สามารถพัฒนาเพิ่มระยะได้มากขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักตัวก็เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง

แต่จากบุคลิคของเราที่ถือสันโดษ  ก็ยังครองตัววิ่งคนเดียวอยู่ในสวน ตลอดระยะเวลา เกือบ 1 ปี  สามารถซ้อมรอบในของสวนได้สูงสุดถึง 15 รอบ

และโอกาสสำหรับการลิ้มลอง มินิมาราธอนแรกก็มาถึง  เมื่อได้เห็นบู๊ทของโรงพยาบาลนครธนมาตั้งบู๊ธ ให้บริการตรวจเช็คร่างกายให้ที่สวนตามปกติ ซึ่งปกติทางโรงพยาบาล จะส่งเจ้าหน้าที่มาที่สวนทุกวัน จันทร์ พุธ และศุกร์ เสมอมา

ซึ่งเราก็ได้เห็นโบว์ชัวร์การจัดงาน โรงพยาบาลนครธนมินิมาราธอน ครั้งที่ 2 วันที่ 10 ธันวาคม 2552 ขึ้นทำให้เราอยากจะไปลองวิ่งงานวิ่งดูบ้าง หลังจากที่แอบฟัง กลุ่มเฮียๆ เค้าคุยกัน ตอนเราแอบวิ่งตาม



ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้สมัครที่บู๊ธวันนั้น เนื่องจากตัวเองไม่มีประสบการณ์อะไรเลยกับงานวิ่งถนน จึงลงทุนไปสมัครวิ่งที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง  เมื่อจ่ายค่าสมัครเรียบร้่อย ทาง รพ สอบถามไซด์เสื้อและประเภทของเสื้อ ว่าจะรับคอกลม หรือเสื้อกล้าม

เนื่องจากเรายังไม่มีเสื้อกล้ามวิ่ง เป็นของตัวเองจึงเลือกเสื้อกล้าม  แต่ข้อผิดพลาดคือ ไม่ยอมลองขนาดเสื้อให้เรียบร้อย  (ปรากฏว่าใส่ไม่ได้)

สำหรับการสมัครวิ่ง มารู้ความจริงที่หลังว่า เราสามารถไปสมัครที่หน้างานวิ่งได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปสมัครล่วงหน้าก่อน



และแล้ววันงานก็มาถึงเรารู้สึกตื่นเต้นมาก ก็งานแรกในชีวิต  รีบออกจากบ้านในเวลา 5:00 โดยมอเตอร์ไซด์คู่ใจ เมื่อไปถึงงาน  ด้วยความที่เป็นน้องใหม่ทำอะไรไม่ถูกเลย  ไม่รู้ว่าของที่เอามาจะไปฝากใคร แล้วก่อนออกวิ่งต้องทำอย่างไร

ซึ่งจริงๆ แล้ว งานวิ่งโดยปกติ จะมีการจัดซุ้ม สำหรับรับฝากของ อยู่เสมอ นักวิ่งหน้าใหม่ ไม่ต้องกังวล แต่จะต้องอาศัย ตาดู หูฟัง อยู่เสมอ

สำหรับมินิมาราธอนแรกนี้ ผมก็มีเป้าหมายที่อยู่ในใจ และเป้าหมายเวลาที่ ไม่เกิน 1:20:00 ซึ่งคิดว่าเราซ้อมมาตลอด 1 ปี ทำไมจะทำไม่ได้

ระหว่างทางวิ่ง ส่วนใหญ่ก็เห็นคนคุ้นเคยที่เคยเห็นตอนซ้อม แต่โอ้ย ทำไมวิ่งกันไวเยี่ยงนี้ เจอแต่ละคน อยู่อีกฝั่งถนนทั้งนั้น   สนามแรกสำหรับผมถือว่าสาหัสพอสมควร เพราะการซ้อมในสวนนั้นเป็นการซ้อมทางเรียบอย่างเดียว แต่สนามนี้ เป็นสนามที่ต้องวิ่งข้ามสะพานไปกลับ ระยะทางประมาณ 2 กม สะพานชัน ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อล้าไปได้พอสมควร

 ซึ่งปรากฏว่าสามารถทำเวลาได้ 1:12:20 ตามรูป  แต่เป้าหมายที่อยู
่ในใจทำไม่สำเร็จ  ฝากไว้ก่อน

ซึ่งหลังจบการวิ่งครั้งนี้ ปรากฏว่า ขาระบม ต้องหยุดวิ่งไป 1 สัปดาห์เต็มๆ

ไช้
10 ธันวาคม 2009





วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

ย่างก้าวที่เปลี่ยนชีวิต

เป็นเวลากว่า 13 ปี ที่ต้องเข้าสู่โลกแห่งความจริง หลังจบชีวิตนักศึกษา
ซึ่งทำให้การออกกำลังกายที่มีมาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เด็ก ถูกยุติลงโดยสิ้นเชิง

น้ำหนักทวีคูณเพิ่มขึ้นกว่า 25 กก  ทำให้น้ำหนักรวม สามารถทยานสู่ตัวเลข 3 หลัก อย่างง่ายดาย

ซึ่งผลการตรวจสุขภาพครั้งนั้น ปรากฏว่าทะลุทุกอย่าง ซึ่งทำให้เกิดความคิดที่จะต้องปฏิวัติอะไรกับตัวเองบางอย่าง ไม่ให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ เพราะสังเกตุว่าทุกครั้งที่ตรวจสุขภาพ ก็มักจะโดนคำสั่งให้ไปออกกำลังกายอยู่ร่ำไป

4 ตุลาคม 2551  คือวันที่เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต หลังได้ไปทำบุญที่วัดไร่ขิง เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีิวิตและจิตใจ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ระลึกถึงอยู่จนปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

การออกกำลังกายครั้งแรกได้ถือปฐมบทเริ่มขึ้น เริ่มต้นจากพี่ที่เคารพท่านหนึ่งในที่ทำงานเก่า ได้โทรมาชวนไปตีแบด ที่ รามคำแหง  ซึ่งเราก็เกรงใจที่เค้าโทรมาหลายครั้ง จึงรับปากไปตีด้วย

ระหว่างสัปดาห์นั้น ก็จัดแจง หาซื้อชุดกีฬา ทั้งเสื้อ กางเกง รองเท้า และถุงเท้า เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ


คอรท์นี้ เค้าติดอาทิตย์ละสองวันครั้งละ 2-3 ชม  ซึ่งเราไปด้วยความเกรงใจ จึงเลือกไปแค่ 1 วัน ในก๊วนก็เป็นคนที่เรารู้จักมาก่อน ทั้งพี่ที่ออฟฟิศเดิม และอาจารย์ที่เคยสอน ที่ รามคำแหง

การเริ่มต้นไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด พละกำลังที่เคยมี มาแต่ก่อน นั้นไม่ได้หลงเหลืออยู่เลย กอปกับ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นสูงมากทำให้ การเคลื่อนไหวไม่เป็นไปอย่างใจเลย

การไปร่วม join ทำได้ประมาณ 5-6 ครั้ง ทำให้เรารู้ตัวเลยทันทีว่า เราคงจะต้องเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ก่อนที่จะไปเล่นกีฬาประเภทอื่น ไม่เช่นนั้น หัวเข่าเราคงพังแน่ๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เราจึงเริ่มหาข้อมูลวิธีลดน้ำหนัก ในอินเตอร์เน็ต  ถึงทำให้รู้ว่า การวิ่ง ก็สามารถที่จะทำให้น้ำหนักลงได้

ปีใหม่ ปี 2552 จึงได้เริ่มหาซื้อรองเท้าวิ่ง ซึ่งได้รองเท้าคู่แรก เป็นรองเท้าไนกี้ ที่เค้าลดราคากันอยู่
และเราก็ไม่รู้หรอกว่าหลักการเลือกรองเท้า ต้องทำยังไง แค่รองแล้วใส่ได้พอดี ก็ตัดสินใจซื้อแล้ว

จากนั้นก็ไปหาซื้อที่รัดหัวเข่า 2 ข้าง  มาใช้  เนื่องจากเคยทดสอบวิ่งในบ้านแล้วปรากฏว่าวิ่งไม่ได้เพราะปวดหัวเข่ามากกกก


เมื่อได้อุปกรณ์เรียบร้อย  ก็ได้ฤกษ์ ลงสู่สนามซ้อมวิ่ง ครั้งแรกในชีวิตแล้ว ในวันที่ 6 มกราคม 2552.

รูปนี้ถ่ายที่จันทบุรี ปี 2546 ซึ่งกำลังบิวด์นำ้หนักขึ้นอยู่


ชีิวิตของนักวิ่งของผม เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2552  ไม่ใช่วันสำคัญอะไร หรือของใคร แต่เป็นปีที่เริ่มต้น และวันเริ่มต้นที่สะดวกที่สุดสำหรับนักบัญชีอย่างผม ที่มักจะมีภาระในการทำงานที่ไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาเลิกงานได้ในเวลาช่วงต้นเดือน

สวนสาธารณะเซ็นทรัล พระราม 2 เป็นสวนสาธารณะใกล้บ้านที่ใช้ในการซ้อมวิ่งครั้งแรกของชีวิตนักวิ่ง

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน การเดินทางสู่เป้าหมายก็ได้เริ่มขึ้น

เสื้อกล้าม กางเกง รองเท้าใหม่ ถูกนำออกมาใช้ในวันนี้ หลังจากจัดแจงเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็ถึงเวลาลงสนามซ้อม ซึ่งจำเวลาไม่ได้ แต่คุ้นๆ ว่าท้องฟ้ามืดมากแล้ว อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าเลยมืดเร็วกว่าปกติ

เป้าหมายในการวิ่งครั้งแรกนี้ ตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าจะต้องวิ่งให้ได้อย่างน้อย 5 รอบ  รอบละ 450 เมตร ตามระยะที่สนามบอก
1รอบสนามมาตรฐานตามที่ระยะป้ายบอกไ้ว้คือ 450 เมตร

ซึ่งบอกตรงๆว่า โคตรอายเลย ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้จริงๆ จึงต้องอาศัยไปยืนหลบๆ แอบดูกลุ่มที่เค้าวิ่งกันอยู่ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เห็นเค้ายืดเหยียดกัน  ก็แอบทำตามไป อาศัยดูคนนั้นที คนโน้นที  เพื่อเอามาใช้กับตัวเอง  ซึ่งเมื่อเทียบกับตอนนี้ เป็นที่น่ายินดีที่มีสื่อการสอนต่างๆ ออกมาสนับสนุนคนให้ออกกำลังกายมากมาย

หลังจากยืดเหยียดเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไป ของเราคือ หากลุ่มที่คิดว่าวิ่งช้าแล้วอาศัยวิ่งเกาะไปเรื่อยๆ เพื่อให้ครบ 5 รอบ ตามที่ตั้งใจไว้

ซึ่งเราเห็นกลุ่มนักวิ่ง ที่เป็นกลุ่มสูงอายุวิ่งกันอยู่่  ก็เลยตัดสินใจเลือกวิ่งตามกลุ่มนี้ แบบไม่ให้เค้ารู้ตัว
ซึ่งการวิ่งเกาะนั้นสามารถทำได้เพียง 3 รอบ เพราะยิ่งวิ่งยิ่งเร็ว  เราตามไม่ทัน ซึ่งเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าดูที่อายุแล้วมาประเมินฝีเท้าการวิ่ง เพราะท่านจะได้รับความผิดหวังเมื่อคิดเช่นนั้น

การวิ่งในวันแรกเราสามารถวิ่งได้ ตามเป้าหมาย คือ 5 รอบสนาม   (ไม่มีวอร์มอัพ คูลดาวน์ สมัยนั้นไม่มีใครบอก)

ซึ่งเป้าหมายต่อไปคือจะพยายามเพิ่มจำนวนรอบให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เพราะคิดว่าการวิ่งช้าๆ นานๆ น่าจะส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงแน่นอน

ไช้
6 มกราคม 2009