วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Race 124 Bangkok Post 2013


พูดถึงงานบางกอกโพสต์ปีก่อนยังรู้สึกแย่กับเสื้อเมื่อปีก่อนที่เอาเสื้อตลาดนัดมาสกรีนโลโก้ Sketcher ที่เป็นสปอนเซอร์หลักของงานเมื่อปีก่อน แต่พอกาลเวลาผ่านไปก็ทำให้รู้ว่า ไม่มีของแท้ในงานวิ่ง ถ้ามีก็คงน้อยมากหรือถ้ามีก็คงต้องเป็น โลโก้หรือตราสินค้านั้นมาจัดงานเอง จึงทำให้ในปีนี้ ทำใจได้สำหรับการที่จะได้เสื้อวิ่งที่ดีมีคุณภาพที่คงเป็นไปได้ยากในโลกความเป็นจริง

ปีนี้งานบางกอกโพสต์ย้ายจากบริเวณด้านข้างห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มาจัดบริเวณด้านหน้าห้าง ตรงบริเวณลานอเนกประสงค์ ที่ปีนี้ กลายเป็นลานล้อมรั้่วเหล็ก ตลอดหน้าลาน เพื่อป้องกันชาวบ้านเข้ามายึดพื้นทีเพื่อประท้วงโน้นนี่นั่น   จากลานที่กว้างกลายเป็นแคบไปถนัดตา กับปริมาณนักวิ่งที่มากันอย่างล้นหลาม และบางส่วนของพื้นที่ถูกปิดจากรั้วเหล็ก

วันนี้หลังจากอาทิตย์ก่อนไปคว้าถ้วยมาสำเร็จ หมายมั่นปั้นมือ ที่จะสอยพี่น้อยลงให้ได้สักที หลังจากวิ่งงานเดียวกันทีไร วิ่งตามตลอด ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าตอนวิ่งเลย หวังว่าวันนี้จะพอมีลุ้นบ้าง 

ระหว่างวิ่งวอร์ม วันนี้ สามารถคุยได้ว่าสามารถข่มนักวิ่งทีมชาติ  ระยะ 800  1500 เมตร น้องโยธิน ลงไปได้ เพราะตอนวอร์มข้าพเจ้าวิ่งเร็วกว่า นิดนึง  หลังจากวิ่งวอร์ม ยืดเหยียดเรียบร้อย กะยึดพื้นที่ด้านหน้าในการออกตัว จึงปักหลักอยู่ที่บริเวณที่วอร์ม คุยกับเพื่อนนักวิ่งคนโน้นคนนี้จนเพลิน จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้ไม่มีใครเข้ามารอเช็คอินเลย  เมื่อมองขึ้นมากลับเห็นนักวิ่งทั้งหมดอยู่อีกฝั่งหนึ่งกันเต็มไปหมด  ปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ่มอีกแล้ววันนี้ จึงรีบวิ่งไปต่อแถวอีกฝั่ง ซึ่งกว่าจะแทรกตัวเข้าไปได้ก็ไปอยู่เกือบใต้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ห่างจากจุดปล่อยตัวมาก  คาดว่าหลังจากนี้คงเหนื่อยอีกแล้ว

สัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น ข้าพเจ้า กว่าจะแทรกตัวออกจากพันธนาการกลุ่มนักวิ่งสุขภาพ ก็ใช้พลังไปอย่างมากในการฝ่าออกไป แต่ยังสามารถทะลุเวลา 4.36 ต่อ กม.เมตร แต่ต้องแรกด้วยการใช้พลังงานอย่างมากในการฝ่าออกไป ซึ่งทำให้รู้ภายหลังว่าไม่คุ้มเสียเลย เพราะเครื่องส่ออาการรวน เมื่อการวิ่งในครั้งนี้ถูกประกบและชวนวิ่งด้วยกันจากเพื่อนนักวิ่งที่คุ้นเคย กลายเป็นจังหวะที่ผิดเพี้ยนไป และสิ้นสภาพเมื่อวิ่งผ่านสวนลุม ที่ระยะ 5 กม. จึงเบาเครื่องลงและแจ้งให้เพื่อนนักวิ่ง ไปก่อน เพราะข้าพเจ้าหมดถัง ทำให้ใจคิดไปถึงพี่น้อย ขนาดข้าพเจ้าวิ่งต่ำกว่า 5 นาที ตลอด 5 กม. แรก  ยังตามพี่น้อยไม่ทัน ยิ่งมาหมดแล้วยิ่งไม่ต้องหวังกันไปใหญ่ จึงปรับความเร็วลดลงตามสภาพที่เริ่มร่อแร่ ไม่เหลือพลังงานในการวิ่ง

จึงค่อยๆ วิ่งไปตามจังหวะที่ 5 นาทีต่อ ก.ม. ตามสภาพร่างกาย เริ่มแซงเพื่อนนักวิ่งทีแซงคืนทีละคน 2 คน แต่การวิ่งในเมืองมันช่างไม่น่าภิรมย์เท่าใดนัก ไหนจะเส้นทางบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่เป็นเส้นทางที่ทับซ้อนกันระหว่าง วิ่ง 10 กม. วิ่ง 5 กม และเดิน  กลายเป็นเส้นทางสำหรับวิ่งเหลือเพียงช่องการจราจรที่ไม่ได้ปิดเพื่อการนี้ เป็นการนำเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยแท้ ครั้นจะไปวิ่งในช่องที่เค้าจัดไว้ให้ก็ไม่มีช่องว่างให้เบียดเ้ข้าไป  เพราะการเดินและวิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้า เรียกว่าหน้ากระดานนั่นเอง

ซึ่งวิ่งตามรายการต่างๆ มาก็ 5 ปีแล้ว ยังไม่รู้เลยว่า จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร ก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเดิน ที่มาเดินเพื่อสุขภาพไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการมาร่วมออกกำลังกาย กับผู้ที่มาวิ่ง และต้องการทำเวลา   สมาคม สมาพันธ์ ผู้จัดต่างๆ น่าจะมาคุยกันหาข้อกำหนดอะไรก็ดีนะ

งานวิ่งครั้งนี้ไม่ธรรมดาสำหรับกลุ่มนักวิ่งที่ซ้อมด้วยกันที่ ม.รามคำแหง วันนี้ มีพี่น้อย ที่พัฒนาการทางความเร็วพัฒนาขึ้นเยอะ และ น้องโก ที่วันนี้เกาะมาตลอดเส้นทางเหมือนกัน เรียกว่าถ้าเพี้ยงพล้ำอาจจะโดนน้องเก็บก็ได้

สุดท้ายเมื่อเข้าเส้นชัย ก็ตามพี่น้อยไม่ทันเช่นเคย แถมยังเกือบถูกน้องโกเก็บซะอีก 

บรรยากาศหลังเส้น เต็มไปด้วยน้ำอัดลม และเบอร์เกอร์ ข้าพเจ้าวันนี้ขอฉีกกฏ กินซะหน่อยเพราะไม่ไหวจริงๆ ทั้งควัน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว

ลาทีงานวิ่งกลางเมือง