Race 104 วิ่งขจัด โปลิโอ
หลังจากได้รับมอบหมายจากทาง สสส ให้ทีมงานสถาวรรันนิ่งคลับ มาช่วยเปิดคลีนิค สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่มา การซ้อมการลงแข่งที่ปกติจะทำอย่างสม่ำเสมอ ก็ถูกแบ่งเวลาออกไปทำให้ การซ้อมน้อยลง การแข่งนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบจะหมดสิทธิ์เลย แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยให้การออกกำลังกายแพร่หลายออกไป
ข้าพเจ้าเป็นประเภท ชอบใช้เวลาในการแข่งล่าสุด มาเป็นแรงบันดาลใจในการวิ่ง ซึ่งเมื่อห่างหายจากสนามไปนานๆ มันทำให้ไฟในตัวเริ่มมอดไปโดยรู้ตัว นอกจากไม่มีเวลาแล้วอาการบาดเจ็บที่รองช้ำ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไปสักที ทั้งที่พักก็แล้ว งดซ้อมมาก็บ่อย ก็ยังเจ็บนิดๆ ตลอดเวลา
ซึ่งข้าพเจ้ารู้ตัวดี ว่าจะต้องหางานมาบิ้วท์อารมณ์ให้ซ้อมก่อน เขาชะโงก 32 กม ไม่งั้นงานนี้มี นรกแน่ๆ ซึ่งก็พยายามจะเลือกไปหลายงาน แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่สามารถไปได้จากหน้าที่ค้ำคออยู่
28 ตุลาคม 2012 งานวิ่งที่สวนลุมมาค้ำคอถึงสถานที่ซ้อม มันรู้สึกน่าเสียดายและเสียโอกาสเป็นอย่างยิ่งที่งานมาถึงหน้าบ้านแล้วไม่ได้วิ่ง ทั้งที่ หลายคนดั้งด้นมาจากอยุธยา มาจากชลบุรี มาวิ่งที่งานนี้ แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร
เมื่อคิดการได้ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงปฏิบัติการแจ้งท่านเจ้าสำนักรับทราบของการหายตัวไป 1 คาบเรียน ซึ่งเมื่อเรียบร้อยจะกลับมาที่คาบเรียนที่ 2 เพื่อช่วยต่อ
เวลาตี 4 เริ่มเตรียมตัว อุปกรณ์ ต่างๆ ที่จะใช้สำหรับสอนในวันนี้นำขึ้้นรถ แวะ ซื้อแซนวิส ที่ 7-11 เพื่อเป็นอาหารรองท้องขณะซ้อมของนักวิ่งที่มาซ้อม
กว่าจะแล้วเสร็จก็เกือบตี 4 ครึ่ง จึงเริ่มเดินทาง มุ่งสู่สวนลุมพีนี ในเวลา 5 นาฬิกา เมื่อจัดแจงจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงเร่งเดินเข้าในตัวสวนลุม และมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงาน ซึ่งเมื่อไปถึงปรากฏว่าได้ยินเสียงพิธีกร ประกาศเรื่องเสื้อหมด ซึ่งจะยังขายเบอร์วิ่งต่อไปในราคา 100 บาท พร้อมกระเป๋าคาดเอวแทนเสื้อ
การเข้าคิว เพื่อสมัครและชำระเงิน ถือเป็นอีกหนึ่งมารยาท ที่เราพึงควรมี เพราะวันนี้ข้าพเจ้าได้พอเจอกับสิ่งที่น่ารังเกียจ จาก นักวิ่ง ที่สมัครอยู่ในแถวก่อนหน้า การสมัครเป็นไปตามปกติ แต่มีนักวิ่งบางคนไม่ยอมต่อแถว เล่นยื่นตังค์ไปฝากเพื่อนที่ซื้อเบอร์อยู่ อย่างไม่เกรงใจผู้อื่นที่ต่อแถวอยู่เลย
เมื่อจ่ายตังค์สมัครเสร็จ จึงต้องรีบกลับไปปฏิบัติภาระกิจ รีบวิ่งวอร์มกลับไปที่จอดรถ และ เริ่มขนป้ายและน้ำดื่ม มาวางไว้ที่ลานตะวันยิ้ม พร้อมทั้งติดตั้งป้ายจนเรียบร้อย จึงรีบสะพานเป๋ใบเก่ง กลับไปที่งาน โดย วิ่งตัดทางตรงกลางกลับไปรีบนำกระเป๋าไปฝาก พร้อม กับมายืดเหยียด แต่เวลาก็ไม่พอให้มีเวลาสไตรค์ เลยต้องเลยตามเลย
วันนี้ ได้ยืนปล่อยตัวพร้อม กับคุณพุช คุณโก้ และพี่กิ๊บ คนมาร่วมงานวันนี้ไ่ม่มากเท่าไหร่ แต่เท่าที่ได้ยินจากนักวิ่งประเภทล่าถ้วย แว่วๆ ว่า หนีงานอื่นมาเจองานนี้ทั้งนั้น แสดงว่า คนหวังถ้วยหมายปองถ้วยงานนี้ไว้นี่เอง
เวลาปล่อยตัวอยู่ที่เวลา 6:06 นาที เมื่อปล่อยตัว จึงรีบเร่งสปีดหนีกลุ่มออกไปก่อน วันนี้ไม่มีคู่ปรับมาให้ไล่ด้วย และไม่รู้การวิ่งวันนี้จะหมดแรงที่ กม ไหน เพราะไม่ได้ซ้อมเร็วมาเลยตลอดเดือน ได้แค่ประคองซ้อมให้ครบระยะมาตลอดทั้งเดือน
เมื่อวิ่งอยู่บนถนนพระราม 4 และเลี้ยวซ้าย วิ่งเราะขอบกำแพงสวนลุม เริ่มทยอยแซงนักวิ่งที่รู้จักได้ทีละคนสองคน จากนั้นก็วิ่งเข้าถนนวิทยุ แล้วไปเลี้ยวซ้ายที่หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ช่วงถนนสุขุมวิท มุ่งตรงไปสู่ ถนนอังรีดูนัง ตรงนี้เป็นจุดแรกที่ติดไฟแดงตรงแยกราชประสงค์ และเมื่อผ่านไปแดงมาก็ต้องวิ่งตามแท็กซี่ อยู่ระยะพอสมควร กว่าที่แท็กซี่ จะฉีกหนีออกไปได้
การวิ่งวันนี้ พยายามประคองอยู่ที่ Pace 4:45 ไม่รู้ว่าจะทานกำลังได้เท่าไหร่ ซึ่งเมื่อถึงถนนอังรีดูนัง นั้นเริ่มรู้สึกว่ากำลังตัวเองตกลงไปเยอะพอประมาณ จึงพยายามเร่งจังหวะเพิ่มขึ้นอีกนิด
และเร่งสปีดสุดฝีเท้าตรงแยกก่อนเข้าถนนสุรวงค์ ก่อนที่จราจรจะโบกรถให้วิ่ง เล่นเอา เกือบอ๊วก
แต่การวิ่งที่ไม่ปรารถนาที่จะติดไฟแดง ก็ต้องติดจนได้ ที่บริเวณถนนนราธิวาส ตัด สีลม ซึ่งเสียเวลาพอสมควรกับตรงนี้ แต่ก็รู้สึกสงสารรถที่ติดเหมือนกัน เพราะหลายคันกดแตร ด่านักวิ่งและตำรวจกับอย่างสนั่นหวั่นไหว
การวิ่งในเืมืองวันนี้ การปิดการจราจร ยังถือว่าไม่ประทับใจ เพราะความปลอดภัยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก เพราะมีหลายครั้งที่ต้องวิ่งคู่ไปกับรถเมล์ รถแท็กซี่ ดีว่าเราไม่ใช่แนวหน้า เลยมีเกราะกำบังเยอะมาก
การวิ่งวันนี้พยายามควบคุมเรื่องจังหวะหายใจไม่ให้ออกอาการเหมือนพัทยาที่ผ่านมา เหมือนที่พีนงตั้งข้อสังเกตุตอนวิ่ง จังหวะการหายใจวันนี้ดีมาก ไม่มีการหายใจทางปาก ไม่มีอาการหอบเลยจนถึง กม ที่ 8 อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้ คนที่ข้าพเจ้าล่า ตั้งแต่ กม แรก นั้น จังหวะหายใจแรง เสียงดังตลอด จนทำให้้ข้าพเจ้าไม่กล้าหายใจแบบนั้น
ในใจคิดว่า หายใจแบบนี้่ ช่วงท้ายเสร็จเราแน่ วิ่งไปครบ 8 กม คำนวณเวลาแล้วว่า 2 กม สุดท้ายสามารถวิ่งได้ต่ำกว่า Pace 4:20 จะสามารถทำลายสถิติลงได้
เมื่อถึง กม ที่ 9 เช็คเวลาอยู่ที่ 4:40 ซึ่งดูแล้วคงไม่สามารถทำลายสถิติได้จึงผ่อนลง และกำลังสงสัยกับเส้นทางการวิ่งมาก เพราะตอนก่อนมาวิ่ง เช็คแล้วว่า เมื่อถึง กม ที่ 9 จะต้องวิ่งย้อนทางเดิมกับเข้าทาง หน้า ร 6 แต่ หาได้เป็นเส้นทางนี้ไม่
จักต้องวิ่งไป ซึ่งคิดแล้วว่าคงจะต้องวิ่งไปอ้อมสวนลุมด้านนอกอีกแน่ ซึ่งไม่ใช่ระยะ 10.54 กม อย่างแน่นอน เมื่อถึง กม ที่ 10 ปรากฏว่าสถิติยังทำลายไม่ได้ เกินไปเกือบครึ่งนาที เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
ซึ่งคิดว่าจะผ่อนและวิ่งประคองเข้าเส้นชัยไปแบบไม่ให้ดูเหนื่อยนัก เพราะมีงานรออยู่ แต่ปรากฏว่า เสียงหอบ เสียงเดิม ดังขึ้น และดังใกล้เข้ามา ซึ่งสันชาตญาณ นักสู้ ซึ่งไม่ยอมอยู่เฉยๆ จึงเร่ิงฝีเท้าหนี เพื่อไม่ให้เป้าหมายในวันนี้เสียไป
ซึ่งการพยายามก็เป็นที่ประสบความสำเร็จ ด้วยเวลา 52:44 ที่ระยะ 11.05 กม
ไช้
28 ตุลาคม 2012