Race 106 ทับแก้ว มินิฮาล์ฟ มาราธอน
เคยตั้งใจว่าจะไปช่วยงานตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่พอเกิดเหตุการณ์เมื่อปีก่อน ทำให้แผนการ ณ ตอนนั้นล้มเหลวไป มาปีนี้ เดิมที ยังไม่ได้ตั้งใจจะไปวิ่ง เพราะ เห็นโปรแกรมตอนปลายปีแบบนี้ ถ้าออกต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็คงไม่ไหว จึงแค่ตั้งใจจะช่วยสมัครและอาจหางานอื่นที่กรุงเทพฯ เพื่อวิ่งแทน
แต่จนแล้วจนรอด เมื่องานเขาชะโงกที่ผ่านมา ตั้งใจว่าจะลงยาว 32 กม นั้นก็ไม่สามารถทำได้ และ กลับมาพิจารณาดูแล้ว หากซ้อมเอง ก็คงไม่มีปัญญาซ้อมยาวได้แน่ จึง ต้องโมดิฟายโปรแกรม โดยเพิ่มงานวิ่งนี้ บรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด้วย ก่อน ฟูลมาราธอนในต้นเดือนธันวาคม
จากโปรแกรมนี้ ซึ่งไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า จากเดิมที่ตั้งใจจะออกแต่เช้าเพื่อเดินทางไปเที่ยว กลับกลาย ต้องพลิกอีกครั้ง เนื่องจากลืมไปว่า ในวันเสาร์มีอบรม ตั้งแต่เช้า ยัน 4 โมงเย็น
ซึ่งกว่าจะอบรมเรียบร้อย และเดินทางกลับไปรับบรรดาเหล่าสมุน ก็เกือบ 5 โมงเย็น และใช้เวลาเดินทางไป นครปฐมอีก ซึ่งกว่าจะไปถึงก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว
จุดมุ่งหมายเลขคือการหาที่พัก เพื่อดำเนินการที่หลับนอนให้เรียบร้อย ซึ่งครานี้ได้ บอย ช่วยจองให้ ที่ โรงเเรมเทรนดี้ ซึ่งสภาพโอเคเลย ตัวโรงแรมดูใหม่ ห้องขนาดพอเหมาะ รีเซฟชั่นอัธยาศัยดี
หลังจากจัดแจงย้ายสัมภาระขึ้นห้องเรียบร้อย จึงเดินทางไปสู่สนามวิ่ง ม.ศิลปากร เพื่อดำเนินการสมัครเพิ่มเติม ให้กับคณะผู้ติดตามอีก 2 ท่าน สำหรับข้าพเ้จ้า กับ บอย สมัครเรียบร้อยแล้วที่ 21 กม.
เมื่อไปถึง ก็พบกับบรรยากาศวังเวง แทบไม่มีคนเลย ขับรถวนอยู่หลายรอบ ก็ไม่เจอ ซึ่งกว่าจะทราบความจริงว่าจัดอยู่ในสนามกีฬา ก็เกือบจะหมดอารมณ์อยู่แล้ว เพราะความหิว ซึ่งเมื่อพบจุดหมาย ก็งงยิ่งขึ้นไปใหญ่กับการที่ต้องเขียนใบสมัครใหม่ แล้วตังค์ที่ตรูจ่ายไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนคืออะไรหว่า
น่าจะเป็นขั้นตอนการจัดการที่เค้าวางแผนกันไว้ ในใจคิด เค้าจัดมาตั้ง 11 ครั้งแล้ว คงไม่ปล่อยไก่อะไรแบบนี้ เรามาครั้งแรก อย่าบ่น ใจคิด จึงไม่ได้ทำอะไรต่อ และมุ่งหน้าสู่องค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อสักการะ
เพราะบอยบอกว่า กลางวันคงไม่ได้แวะมาแน่ๆ เมื่อไปถึงก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะไม่สามารถหาที่จอดรถได้ เพราะมีงานจัดอยู่ด้านใน
จึงพยายามหาที่จอดรถจนได้ ที่ฟากฝั่งถนนหนึ่ง หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าหาข้าวกิน ตรงตลาดโต้รุ่ง ด้วยความหวังว่า อาหารจะเลิศรส แต่สิ่งที่สั่งมา เป็นอาหารจานด่วน ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ และข้าวหน้าเป็ด รูปร่างหน้าตา ช่างไม่มีสิ่งใดน่าถวิลหา และหลังจากได้ชิมรสชาติ ก็ยิ่งตอกย้ำความผิดหวังให้เพิ่มขึ้นไปอีก หลังจากอิ่มแล้ว จึงเดินเข้าสู่ตัวองค์พระ และไหว้พระเรียบร้อย จึงเดินสำรวจภายในวัดโอ้วนี้มันงานขายของตลาดนัด ชัดๆ มีทั้งเปิดเพลงแดนซ์ มีทั้งขายอุปกรณ์ไฟฟ้า โทรทัศน์ เครื่องเสียง เอ่อ มันขายได้จริงๆเหรอ
หลังจากหลงอยู่ในนั้นเสียตั้งนาน จึงพบทางออก และเหมาไก่ย่าง ไก่ทอด ขนมปังลูกเกต ขนมปังมะพร้าวอ่อน และขนมถังแตก กลับไปเป็นเสบียงที่ห้อง เพราะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าไม่มีความอิ่มเลยสักนิด
เช้าวันอาทิตย์ ณ เวลา 5.00 พวกเราได้เดินทางถึงสถานที่จัดงาน จึงได้หาที่จอดรถ ซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวก ตลอดเส้นทาง ในการหาที่จอดรถจนสามารถจอดได้ มีเ้จ้าหน้าที่ตลอดทุกจุดในการอำนวยความสะดวก หลังจากจัดแจงสัมภาระของทุกคนเรียบร้อย จึงเดินมาเข้าที่บริเวณการจัดงาน ความสงสัยเมื่อวานที่เคลือบคลางใจหายหมดไป เพราะน้องนักศึกษา วางแผนการจัดการดีมาก มีการให้บริการ พาไปถึงทุกจุดที่ต้องทำ มีการให้คำแนะนำตลอดการสมัคร การรับเบอร์ เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่อง
หลังจากได้รับเบอร์เรียบร้อย จึงไปทำการทำธุระส่วนตัว ซึ่งก็มีน้องๆ นักศึกษาคอยอำนวยความสะดวกให้ตลอด
จากนั้นจึงไปดำเนินการวอร์มอัพ และยืดเหยียดร่างกาย เพื่อให้ร่างกายพร้อมวิ่งในเวลา 5.30 น.
เวลาการปล่อยตัว เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ไม่เยิ่นเยื้อ ก่อนการปล่อย ทางทีม ได้มีการพูดหยอกล้อกันเล่นๆ ว่าอยากวิ่งกลางฝน เหมือนเทวดาจะได้ยินคำปรารถนาของพวกเรา เพราะว่าหลังจากปล่อยตัว เมื่อวิ่งเข้าสู่ กม ที่ 2 ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาระหว่างทาง และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง
เมื่อพูดถึงหลัก กม.ที่บอกระยะทาง มีสิ่งที่น่าชมเชย และ สิ่งที่อยากเสนอแนะ คือ เรื่องการวางหลัก กม ของการจัดงาน สิ่งที่เห็นว่าควรปรับปรุงคือ ควรมีการตั้งป้ายบอกระยะทางตลอดเส้นทาง จะเป็นทุก กม หรือ 2 กม ก็แล้วแต่สะดวก แต่อยากให้เป็นมาตรฐานเดียวกันตลอดเส้นทาง เพราะนักวิ่งจะสามารถใช้ประโยชน์จากป้ายนี้ในการวิ่งได้เป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่น่าชมเชยมาก คือระยะในการวางป้ายบอกหลัก กม. ตั้งแต่ กม.ที่ 1 ถึง กม.ที่ 8 นั้นการวางตำแหน่งของระยะทาง ถูกต้องมาก จากการที่ทีมงานใช้นาฬิกา GPS ในการเปรียบเทียบ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลังจากจุดนี้ การวางป้าย แต่ละ กม. ไม่สม่ำเสมอ
เส้นทางการวิ่งวันนี้ เป็นอีกวันที่ทีมงาน วิ่งไปด้วยความสนุก ไม่ว่าจะจากฝนที่โปรยปรายลงมา หรือจะเป็นเส้นทางการวิ่งที่ดีมาก บรรยากาศข้างทางที่เป็นธรรมชาติงดงาม มีทั้งเส้นทางเรียบคลองผ่านสวนต่างๆ ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นนขี้หมูบ้างในบางจุด แต่นี่ คือ นครปฐม ถ้ามาแล้วไม่ได้ดมขี้หมู ท่านคงมาไม่ถึง
เมื่อพูดถึงบรรยากาศการวิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเส้นทางที่ฝนตก น้องๆ นักศึกษาที่มาช่วยงานจะสู้ไม่มีถอยเหมือนนักวิ่ง ที่กำลังวิ่งกันอยู่ ทุกเส้นทาง ที่พวกเราวิ่งกันไป เมื่อผ่านจุดให้น้ำ ก็จะได้รับการส่งเสียงเชียร์ ให้สู้ตลอด หรือถึงแม้ว่าจะไม่ใช่จุดให้น้ำ กลุ่มน้องๆ ก็ยังแอบไปยืนเชียร์ ยืนเต้น ส่งเสียงกระตุ้น ท่ามกลางสายฝนอันเย็นฉ่ำ อย่างสนุกสนาน
สำหรับเรื่องน้ำดื่ม เมื่อฝนโปรยปราย พวกเราเลยคิดไปว่า ไม่ว่าจุดให้น้ำจะดีหรือไม่ดีอย่างไร พวกเราคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เพราะมีการบรรเทาอาการร้อนจากสายฝนให้แล้ว แต่สิ่งที่มองข้ามไป กลับได้รับการเติมเต็มอย่างคาดไม่ถึง เพราะทุกจุดให้น้ำ นั้นมีระยะเรียกว่าถี่ จนบางที จะเป้น 1 กม ต่อจุดไปเลยก็มี
แต่ละจุด มีทั้งน้ำเย็น น้ำหวาน และ ตั้งแต่ กม ที่ 4 เป็นต้นไป ก็มีการให้น้ำเกลือแร่
อันนี้เป็นความเห็นของทีมงาน ว่า จุดให้เกลือแร่ ไม่ต้องมากขนาดนี้ก็ได้ จะทำให้ ผู้จัดงานมีงบประมาณเหลือ จะได้นำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมนักศึกษาต่อไป แต่ถ้าสามารถขอสปอนเซอร์มาได้ ไม่ต้องเสียสตางค์ ก็ถือว่าโอเค
เมื่อวิ่งใกล้ครบระยะ แล้วกลับมาเข้าสู่ตัวมหาวิทยาลัย ก็มีกลุ่มน้องๆ มาเต้น เชียร์ส่งท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ดูหน้าน้องๆ แล้วนี่ ทำไปด้วยใจโดยแท้ เมื่อมองจากบุคคลภายนอก เป็นงานที่สามารถสร้างความสามัคคีในหมู่ขณะเป็นอย่างดี
เมื่อวิ่งเข้าสู่เส้นชัย จึงได้รับเหรียญทอง มาหนึ่งเหรียญ สำหรับระยะฮาล์ฟ และเหรียญเงิน สำหรับระยะมินิ
สำหรับบรรยากาศหลังเส้นชัย อาจจะเรียกได้ว่า ซุ่มอาหารที่นี่ เป็น แบบ Green โดยแท้ เพราะจากการสังเกตุของทีมงาน นั้น งานนี้ปราศจากกล่องโฟม ในอาหารสำหรับนักวิ่ง 100%
เป็นอีกงานที่ต้องลองมาวิ่งครับ
ระยะทางจริง 21.36 กม
ไช้ ใช้เวลา 2:00:00
บอย ใช้เวลา 1:59:00
ไช้ 14 บอย 24