วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

Race 3-4 งานวิ่งที่ต้องออกนอกอำเภอเป็นครั้งแรก

Race 3 เดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติ เขตบางแค มินิมาราธอน



กล่าวถึงตอนเดิมหลังจากวิ่งงานบางขุนเทียนมาปรากฏว่า เดี้ยง ต้องพักการซ้อม อีกหนึ่งอาทิตย์ ตามคาด  สำหรับงานนี้ เป็นงานวิ่งฟรีงานแรกที่ผมได้รับ เนื่องจากทางสำันักงานเขตมีงบประมาณเหลือ จึงนำมาจัดงานวิ่งในครั้งนี้  ซึ่งระยะทางที่แจ้งไว้ในวันนี้ คือ 9.9 กม


สำหรับผมงานนี้เป็นงานแรก ที่มีชมรมเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักที เมื่อ ประธานชมรมเฮียสุเทพ ได้ชวนและนำเสื้อชมรมมามอบให้ ที่สวน ในระหว่างการซ้อมปกติ  ทำให้เริ่มกล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มนักวิ่งที่เราเห็นเค้าซ้อมมากันเป็นปี แต่ไม่เคยคุยด้วยสักคำ  แต่ขอโทษครับ พี่ไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักพี่ทุกคน เพราะแอบเข้าไปดูในเว็บของชมรมแล้ว ว่าใครเป็นใครตลอดมา 1 ปี



นอกจากเสื้อชมรมแล้ว หลังจากงานบางขุนเทียน มาทำให้รู้ว่ารองเท้าที่ใส่อยู่ไม่เหมาะสม จึงได้ลงทุนครั้งใหญ่ ถอย เอสิค คายาโน่ 14 มาวิ่งในงานนี้โดยเฉพาะ และหวังว่ารองเท้าใหม่จะช่วยซัพพอร์ตเข่าให้ไม่เจ็บ

เป้าหมายในครั้งนี้ คือพยายามจะวิ่งให้ต่ำกว่า 1:05:00 ให้ได้ เพื่อฉลองการมีสังกัดกับเค้าสักที หลังจากจะแอบไปสมัครทางเน็ต กับชมรมบางขุนเทียน อยู่หลายครั้ง เพราะคิดว่า ชมรมนี้อยู่ตรงเขตบางขุนเทียนจริงๆ  ซึ่งมากระจ่างตอนนั่งอ่านข้อมูลในเว็บเยอะๆ จึงรู้ว่าไม่ใช่


 สำหรับเส้นทางวิ่งมีทั้งวิ่งเข้าในหมู่บ้านและออกสู่ถนนใหญ่ และวกกลับไปกลับตัวที่หมู่บ้าน ก่อนวิ่งเส้นชัยตรงสำนักงานเขต

งานนี้ได้เห็นอะไรประหลาด มากมาย  ทั้ง คนแต่งชุดไมเคิล แจ๊คสัน มาวิ่ง  โหพี่วิ่งได้ไงเนี้ย ชุดฟิตเปรียะ เห็นแล้วทึ่งเลยครับ

สำหรับงานนี้ สามารถวิ่งจบได้ที่ เวลา 1:02:34  แหมช่างมีพัฒนาการอะไรเยี่ยงนี้  แต่ความจริงน้ำหนักก็ยังลดไม่มาก แถมการวิ่งก็ยังต้องใส่สนับหัวเข่าทั้งสองข้างต่อไป




Race 4  แต้จิ๋วมินิมาราธอน ครั้งที่ 5


งานนี้เป็นการวิ่งข้ามอำเภอ มาฝั่งพระนครงานแรก เป็นงานที่ไม่มีการแข่งขัน เป็นการแข่งเพื่อสุขภาพ ซึ่งเราได้สำรวจเส้นทางการวิ่งไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะชอบมากในการวิ่งบนถนนสาทร เพราะรู้สภาพถนนว่าดีมาก

ได้ข่าวว่างานที่แต้จิ๋ว จัดเป็นงานระดับเศรษฐีจัด จึงอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้รับคำตอบในตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

ก่อนการวิ่งก็ได้เดินสำรวจบริเวณงาน ก็ได้เจอพี่ที่ชมรมเซ็นทรัล คนหนึ่งผิวคล้ำๆ ผอมๆ ใส่แว่น ใส่เสื้อเหมือนเรา ก็ได้ยกมือสวัสดีไป แต่ปรากฏว่าเดินไปอีก ประมาณ 10 เมตร ก็เจอพี่คนเดิมอีก  เห้ย ทำไมกลับมาเร็วจัง  ซึ่งมารู้ความจริงที่หลังว่า เป็นคนละคน 55+

วันนี้ได้เจอตัวจริงของ พี่แดง นักข่าวช่อง 9 ด้วย ตัวจริงอัธยาศัยดีมากๆ

การปล่อยตัวเป็นไปตามเวลา เส้นทางแรกคือการวิ่งใต้ทางด่วนไปเรื่อยๆ  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่สนุกกับงานวิ่งบนถนนเลย เพราะอะไร เกิดจากอะไร คงจะนึกออก กับบรรยากาศที่คนนับพันวิ่งบนเส้นทางเดียวกัน ข้างบนปิดจากทางด่วน ทำให้อากาศไม่พอที่จะหายใจ วิ่งไปเหนื่อยไป ซึ่งไม่ชอบเลย ซึ่งกว่าจะพ้น ก็ทำเอานักวิ่งหลายคน ถึงกับบ่นและเดินเลย


พอพ้นทางด่วนก็วิ่งตัดเข้าถนนพระราม 3 ไปเลี้ยวใ้ต้สะพานแขวน พระราม 9 ซึ่งก็วิ่งไปตามทาง ตอนนี้ ยังปกติดีอยู่ วิ่งแล้วยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะช่วงแรก วิ่งช้าเพราะไม่มีอากาศ

ซึ่งครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่เจอสะพานยาว ซึ่ง ไม่ต่างจากงานครั้งแรกที่ต้องเดิน เพราะกำลังขาของเรายังไม่เเข็งแรงพอ  ซึ่งเมื่อวิ่งมาถึงเส้นถนนนราธิวาส ก็มีการจัดกลุ่มเชียร์เล็กๆ จากทีมจัดงาน ซึ่งทำให้มีแรงฮึดเพิ่มขึ้นในการวิ่งต่อไปยังเส้นชัย

การวิ่งในวันนี้ระยะจริง 11.88 กม ใช้เวลา 1:17:20  ซึ่งถือเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดในชีวิตการวิ่งของผม


ไช้
31 มกราคม 2010

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

Race 2 บางขุนเทียน มินิฮาล์ฟ มาราธอน


งานนี้ถือเป็นงานแรกในรอบปี 2010  หรือ 2543  ที่หลังจากรู้สึกสนุกสนานกับการวิ่งออกงานวิ่งถนน

ได้สัมผัสกับบรรยากาศต่างๆ ที่เป็นอีกแง่มุมของชีวิตที่เรายังไม่เคยสัมผัส  ทำให้รู้ว่าโลกนี้มีอะไรอีกมากมายที่จะให้เราต้องเรียนรู้ในชีวิต

เราตั้งปณิธานไว้ว่าปีนี้ ถ้าไม่มีอุปสรรค์อะไรเราจะวิ่งถนนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้สมกับที่ทุ่มเทเวลาให้กับการซ้อมมาตลอด 1 ปี




งานนี้เป็นครั้งแรกที่เรามาวิ่งที่มีรายการระยะ 21 กม อยู่ด้วย เนื่องจากถนนบางขุนเทียนชายทะเล จากการคะเนแล้วถ้าเราไปช้ากว่าการปล่อยตัว ระยะ 21 กม แล้วจะทำให้เราไม่สามารถเข้าไปในงานได้ทัน

ซึ่งทำให้ต้องไปถึงสนามให้เร็วกว่า ตี 5  ซึ่งคำนวณแล้วว่าจะต้องออกจากบ้าน เวลา 4:30  แต่วันนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้น เนื่องจาก ประธานจัดงานในวันนั้น คือ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ มาเป็นประธานในพิธี ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์ขู่วางระเบิดขึ้น ทำให้ตลอดเส้นทางมีตำรวจตั้งด่านอยู่ เพื่อสกรีนกลุ่มเสื้อสี ที่จะเข้ามาป่วนงาน

ทำให้แผนการจัดงาน ณ รร พิทยาลงกรณ์ ต้องเปลี่ยนแผนงานหลายอย่างเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น

การปล่อยตัวถูกปล่อยตามกำหนดเวลา เนื่องจากประธานในพิธียังเข้ามาไม่ได้ ซึ่งหลังจากปล่อยตัว ระยะครึ่งมาราธอน และ มินิมาราธอนไปแล้ว สักพัก รถประธานในพิธีจึงขับสวนทางเข้ามา

บรรยากาศเส้นทางวิ่งเป็นไปอย่างมืดสนิท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นฤดูหนาว ที่มักจะสว่างช้า 
การวิ่งในครั้งนี้เป้าหมายในการวิ่งก็คือ เป้าหมายที่อยู่ในใจที่ต้องพิชิตให้ได้ กับ เวลาที่ลดลงกว่าสนามแรก

ซึ่งการวิ่งในครั้งนี้รู้สึกดีมากกว่าการวิ่งที่งาน รพ.นครธน อาจเป็นเพราะเส้นทางวิ่งไม่มีรถวิ่งและยังเป็นธรรมชาติมาก  วันนี้นักวิ่งมามากกว่างานนครธนเยอะมาก

ซึ่งเราก็ประคองการวิ่งจังหวะในการซ้อมมาเรื่อยๆ เช็คเวลาที่ข้อมือตลอด ส่วนสายตาก็สอดส่องเป้าหมายแรก ซึ่งปรากฏว่ากว่าจะเจอเป้าหมายแรก ก็เป็นระยะที่กลับตัวไปแล้ว ซึ่งห่างกันประมาณ 1 กม คิดว่าคงจะทำลายไม่ได้แน่ ก็เลยเบนเข็มมาทำเวลาให้ดีขึ้นกว่าสนามแรก

ซึ่งสนามนี้เป็นสนามแรกที่ต้องจดจำและเป็นบทเรียน เรื่องมีอยู่ว่าก่อนถึงเส้นชัยประมาณ 1 กม อยากจะพยายามไล่เป้าหมายเลขให้ทัน จึงใส่หมดแม๊กซ์ เต็มสตรีม ซึ่งเมื่อถึงเส้นชัย ต้องวิ่งเข้าข้างทางเพราะงัดของเก่าปล่อยออกมากองเต็มไปหมด  แต่ก็แลกด้วยเวลาที่ดีขึ้น อยู่ที่ 1:08:20  แต่ไล่เป้าหมายไม่ทัน

ซึ่งครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าเราเกลี่ยพลังงาน ไม่ไปอัดแบบนี้ อาการอ๊วกแตกคงไม่เกิดขึ้น




ไช้
10 มกราคม 2010