วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

Race 2 บางขุนเทียน มินิฮาล์ฟ มาราธอน


งานนี้ถือเป็นงานแรกในรอบปี 2010  หรือ 2543  ที่หลังจากรู้สึกสนุกสนานกับการวิ่งออกงานวิ่งถนน

ได้สัมผัสกับบรรยากาศต่างๆ ที่เป็นอีกแง่มุมของชีวิตที่เรายังไม่เคยสัมผัส  ทำให้รู้ว่าโลกนี้มีอะไรอีกมากมายที่จะให้เราต้องเรียนรู้ในชีวิต

เราตั้งปณิธานไว้ว่าปีนี้ ถ้าไม่มีอุปสรรค์อะไรเราจะวิ่งถนนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้สมกับที่ทุ่มเทเวลาให้กับการซ้อมมาตลอด 1 ปี




งานนี้เป็นครั้งแรกที่เรามาวิ่งที่มีรายการระยะ 21 กม อยู่ด้วย เนื่องจากถนนบางขุนเทียนชายทะเล จากการคะเนแล้วถ้าเราไปช้ากว่าการปล่อยตัว ระยะ 21 กม แล้วจะทำให้เราไม่สามารถเข้าไปในงานได้ทัน

ซึ่งทำให้ต้องไปถึงสนามให้เร็วกว่า ตี 5  ซึ่งคำนวณแล้วว่าจะต้องออกจากบ้าน เวลา 4:30  แต่วันนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้น เนื่องจาก ประธานจัดงานในวันนั้น คือ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ มาเป็นประธานในพิธี ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์ขู่วางระเบิดขึ้น ทำให้ตลอดเส้นทางมีตำรวจตั้งด่านอยู่ เพื่อสกรีนกลุ่มเสื้อสี ที่จะเข้ามาป่วนงาน

ทำให้แผนการจัดงาน ณ รร พิทยาลงกรณ์ ต้องเปลี่ยนแผนงานหลายอย่างเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น

การปล่อยตัวถูกปล่อยตามกำหนดเวลา เนื่องจากประธานในพิธียังเข้ามาไม่ได้ ซึ่งหลังจากปล่อยตัว ระยะครึ่งมาราธอน และ มินิมาราธอนไปแล้ว สักพัก รถประธานในพิธีจึงขับสวนทางเข้ามา

บรรยากาศเส้นทางวิ่งเป็นไปอย่างมืดสนิท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นฤดูหนาว ที่มักจะสว่างช้า 
การวิ่งในครั้งนี้เป้าหมายในการวิ่งก็คือ เป้าหมายที่อยู่ในใจที่ต้องพิชิตให้ได้ กับ เวลาที่ลดลงกว่าสนามแรก

ซึ่งการวิ่งในครั้งนี้รู้สึกดีมากกว่าการวิ่งที่งาน รพ.นครธน อาจเป็นเพราะเส้นทางวิ่งไม่มีรถวิ่งและยังเป็นธรรมชาติมาก  วันนี้นักวิ่งมามากกว่างานนครธนเยอะมาก

ซึ่งเราก็ประคองการวิ่งจังหวะในการซ้อมมาเรื่อยๆ เช็คเวลาที่ข้อมือตลอด ส่วนสายตาก็สอดส่องเป้าหมายแรก ซึ่งปรากฏว่ากว่าจะเจอเป้าหมายแรก ก็เป็นระยะที่กลับตัวไปแล้ว ซึ่งห่างกันประมาณ 1 กม คิดว่าคงจะทำลายไม่ได้แน่ ก็เลยเบนเข็มมาทำเวลาให้ดีขึ้นกว่าสนามแรก

ซึ่งสนามนี้เป็นสนามแรกที่ต้องจดจำและเป็นบทเรียน เรื่องมีอยู่ว่าก่อนถึงเส้นชัยประมาณ 1 กม อยากจะพยายามไล่เป้าหมายเลขให้ทัน จึงใส่หมดแม๊กซ์ เต็มสตรีม ซึ่งเมื่อถึงเส้นชัย ต้องวิ่งเข้าข้างทางเพราะงัดของเก่าปล่อยออกมากองเต็มไปหมด  แต่ก็แลกด้วยเวลาที่ดีขึ้น อยู่ที่ 1:08:20  แต่ไล่เป้าหมายไม่ทัน

ซึ่งครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าเราเกลี่ยพลังงาน ไม่ไปอัดแบบนี้ อาการอ๊วกแตกคงไม่เกิดขึ้น




ไช้
10 มกราคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น