Race 78 ฮาลพ์มาราธอน สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร |
ฝนฟ้า เป็นอะไรหนอช่วงนี้ จู่ๆ เช้้าวันนี้ก็เกิดอากาศเย็นขึ้นมา โดยไม่ได้นัดหมาย ไม่เหมือนกับการนัดหมายไปทดสอบสภาพความพร้อมของนักวิ่งกลุ่มที่มาซ้อมกับ อ.สถาวร
วันนี้ ตั้งใจมาวิ่ง กับ หนุ่ยสองคน โดย หลานอีกสองคน มาสังเกตุการ์ณ แต่จากสภาวะอากาศที่จู่ก็เย็นลงมาก ทำให้ น้องชายเป็นห่วงหลานว่า ถ้าไม่ได้วิ่งก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน เพราะหลบตรงไหนก็หนาว เลยตัดสินใจไม่สมัครและลงวิ่ง คงเหลือแต่ตัวข้าพเจ้าเพียงคนเดียว ที่ยังมุ่งมั่นที่จะเอาคืน สนามนี้ให้ได้ ส่วนทั้งน้องทั้งหลานหนีไปหลบนอนในรถ เพื่อหลบลมหนาว
ระยะทางคราก่อนที่วิ่งจำได้ดี 23 กม คราวนี้หลังว่าจะทำให้ดีกว่าเดิม ซึ่งงานนี้ก็เป็นอีกงานที่การวอร์มนั้นวอร์มถึงจุด คงเป็นเพราะอากาศที่เย็น จึงทำให้จำเป็นต้องทำให้ร่างกายร้อนที่สุด ได้น้องม็อค มาช่วยลาก ช่วยวิ่งเป็นเพื่อนในตอนวอร์ม หลังจากวอร์มก็มาทำการยืดเหยียด ตามขั้นตอน อาทิตย์นี้ดีขึ้นหน่อยหลังจากที่เจ็บเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่อาการไม่หนักมาก และมีโอกาสหนีงานออกมาซ้อมได้วันสองวัน ทำให้รู้สึกดีขึ้น วันนี้ปล่อยตัวช้ากว่ากำหนด มาจากสองสาเหตุ คือ 1 ไม่มีนักวิ่งมาวิ่งเท่าใดนัก และ เหมือนกับทางงานก็ไม่พร้อม เพิ่งจะมาจัดสถานที่เอาตอนเช้า และ 2 เส้นทางที่มืด เพื่อความปลอดภัยจึงขอเลื่อนเวลา ให้พอมีแสงก่อนจึงปล่อยตัว
อากาศที่เย็น ลมที่แรงในตอนปล่อยตัวทำให้การวิ่งในส่วนขาไปเป็นไปอย่างสบาย
10 กม แรกขาไป ยิ่งวิ่งยิ่งมันส์ เพราะอากาศเย็น และ แรงลมที่ส่งให้ไปข้างหน้า ระหว่างวิ่งคิดในใจเวลาดีวุ้ย แต่หาได้คำนวณขากลับ ว่าจะเจอกับอะไร จนมาเอะใจ เมื่อเจอกับพี่ที่รู้จักคนนึง ได้ตะโกนบอกตอนสวนกัน ว่าวิ่งไม่ออก ลมแรงมันต้านกลับหมดเลย ถึงว่าตอนแรกนำห่างๆ ทำไมเราถึงไล่มาได้
จากที่ไม่เคยวิ่ง pace 5:00 ต้นๆ ในการลงวิ่งฮาล์ฟ มาเลยในชีิวิต เพราะปกติจะวิ่งอยู่ที่ 6 นาที ด้วยความกลัว กลับทำได้ดีในสนามนี้ และช่วง กมที่ 10-11 กดลงไปได้ต่ำกว่า 5 นาทีเสียอีก
แต่กำไรที่ได้รับมา ก็เริ่มหดและลดลง เมื่อผ่านจุดกลับตัว เสียงลมผ่านเข้าหูแรงมาก หน้าชา เพราะอากาศเย็นอยู่แล้วยิ่งรู้สึกหนักยิ่งขึ้น
ยิ่งวิ่งยิ่งไม่ไป หลายคนออกอาการหงุดหงิดมาก แต่ทำไงได้มันคือธรรมชาติล้วนๆ
เป้าหมายที่ล็อกไว้ในตอนนี้ คิดว่าสามารถประคองให้จบระยะไม่ให้ช้ำแบบครั้งก่อนได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทำมากกว่านั้นคือการล้างสถิติ ฮาล์ฟที่ค้างอยู่ที่ 2 ชม มานานแล้ว
ความพยายามในการวิ่งที่ต้องใส่ลงไปมากขึ้น ก็แทบหมดลงที่ กมที่ 18 แต่เหมือนฟ้าประทาน น้องม็อค หลังจากวิ่งมินิ เรียบร้อยแล้ว ได้วิ่งย้อนกลับมาช่วยลากไปให้ ทั้งตอนขึ้นสะพาน ทั้งกระตุ้นให้เร่ง ทั้งให้กำลังใจ จนกระทั่งผมไม่ไหวจริงๆ จึงบอกว่าขอแค่นี้พอ เพราะจะอ๊วกแล้ว จึงผ่อนลง เมื่อไกล้เส้นชัยและผ่านระยะครึ่งมาราธอน จากเสียงนาฬิกา จากนั้นเมื่อถึงใกล้จุด ที่ช่างภาพ รอถ่ายรูป น้องม็อค จึงขอตัวแยกออกมา เพื่อให้ข้าพเจ้าอยู่ในเฟรมคนเดียว
งานนี้ถ้าไม่ได้น้องม็อค อาจถอดใจไปแล้วก็ได้
่วิ่งจบสะใจในการล้างอดีต ของ บรรยากาศ มาคุ ที่นี่ได้สำเร็จ กับ New PB Half Marathon 1:52:55s
ระยะทาง 21.59 ใช้เวลา 1:55:54
จากที่ไม่เคยวิ่ง pace 5:00 ต้นๆ ในการลงวิ่งฮาล์ฟ มาเลยในชีิวิต เพราะปกติจะวิ่งอยู่ที่ 6 นาที ด้วยความกลัว กลับทำได้ดีในสนามนี้ และช่วง กมที่ 10-11 กดลงไปได้ต่ำกว่า 5 นาทีเสียอีก
แต่กำไรที่ได้รับมา ก็เริ่มหดและลดลง เมื่อผ่านจุดกลับตัว เสียงลมผ่านเข้าหูแรงมาก หน้าชา เพราะอากาศเย็นอยู่แล้วยิ่งรู้สึกหนักยิ่งขึ้น
ดู ลม สิครับ |
ยิ่งวิ่งยิ่งไม่ไป หลายคนออกอาการหงุดหงิดมาก แต่ทำไงได้มันคือธรรมชาติล้วนๆ
เป้าหมายที่ล็อกไว้ในตอนนี้ คิดว่าสามารถประคองให้จบระยะไม่ให้ช้ำแบบครั้งก่อนได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทำมากกว่านั้นคือการล้างสถิติ ฮาล์ฟที่ค้างอยู่ที่ 2 ชม มานานแล้ว
ความพยายามในการวิ่งที่ต้องใส่ลงไปมากขึ้น ก็แทบหมดลงที่ กมที่ 18 แต่เหมือนฟ้าประทาน น้องม็อค หลังจากวิ่งมินิ เรียบร้อยแล้ว ได้วิ่งย้อนกลับมาช่วยลากไปให้ ทั้งตอนขึ้นสะพาน ทั้งกระตุ้นให้เร่ง ทั้งให้กำลังใจ จนกระทั่งผมไม่ไหวจริงๆ จึงบอกว่าขอแค่นี้พอ เพราะจะอ๊วกแล้ว จึงผ่อนลง เมื่อไกล้เส้นชัยและผ่านระยะครึ่งมาราธอน จากเสียงนาฬิกา จากนั้นเมื่อถึงใกล้จุด ที่ช่างภาพ รอถ่ายรูป น้องม็อค จึงขอตัวแยกออกมา เพื่อให้ข้าพเจ้าอยู่ในเฟรมคนเดียว
งานนี้ถ้าไม่ได้น้องม็อค อาจถอดใจไปแล้วก็ได้
่วิ่งจบสะใจในการล้างอดีต ของ บรรยากาศ มาคุ ที่นี่ได้สำเร็จ กับ New PB Half Marathon 1:52:55s
ระยะทาง 21.59 ใช้เวลา 1:55:54
ไช้
25 ธันวาคม 2011
Special Thanks to น้องม็อค ที่มาช่วยลาก
to อากาศที่ยอดเยี่ยม
to อดีตอันเลวร้าย ที่กระตุ้นให้ผ่านมันไป
ปิดฉาก ชีวิตนักวิ่งในปี 2011 และ รอคอยการวิ่ง ปี 2012 ต่อไป เจอกันแน่ จอมบึง
25 ธันวาคม 2011
Special Thanks to น้องม็อค ที่มาช่วยลาก
to อากาศที่ยอดเยี่ยม
to อดีตอันเลวร้าย ที่กระตุ้นให้ผ่านมันไป
ปิดฉาก ชีวิตนักวิ่งในปี 2011 และ รอคอยการวิ่ง ปี 2012 ต่อไป เจอกันแน่ จอมบึง