วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

Race 102 EGAT Mini Marathon

Race 102 EGAT Mini Marathon

งานวิ่งขึ้นตึก กฟผ ปีที่แล้วประกาศว่าอาจจะเป็นปีสุดท้ายที่จะได้ขึ้นตึก เพราะภายในจะมีการปรับปรุงพื้นที่ ทำให้ปีก่อนต้องรีบไปวิ่งเพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์สำหรับตัวเอง

มาปีนี้ ถือเป็นที่น่ายินดีที่ยังมีรายการแบบนี้อยู่ จึงไม่พลาดโอกาสที่จะมาร่วมสนุกที่นี่ด้วยอีก บาดแผลจากปีก่อน ปีนี้มาด้วยความหวังที่จะมาเอาคืน กับการเป็นหนึ่งใน 50 ท่านแรกที่เข้าเส้นชัย


สำหรับเส้นทางในการมาสนามวิ่ง เนื่องจากถนนจรัลสนิทวงค์เกือบทั้งสายอยู่ในระหว่างการปรับปรุงเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า จึงทำให้ช่องการจราจรไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเช้าจึงทำให้สามารถขับมาได้เรื่อยๆ

เมื่อมาถึงตรงแยกเข้าบางกรวย สิ่งแรกที่ประัทับใจเลยก็คือ การประดับประดา ด้วยไฟ สีน้ำเงิน ระหว่างทางเข้าบริเวณงานเหมือนเช่นเคย ดูยิ่งใหญ่มาก เมื่อขับรถเข้าบริเวณงาน ก็ไปจอดรถที่บริเวณที่ทางสถานที่จัดการให้ (ตรงนี้มีข้อเสนอแนะไปยังผู้จัดหน่อยนึง ตอนที่ผมไป ไม่มีเจ้าหน้าที่บอกให้เลี้ยวซ้ายไปลานจอด ดีที่ว่าจำได้จากปีก่อนว่าไปจอดตรงนั้น)

สถานที่จอดรถกว้างขวาง และเพียงพอต่อจำนวนนักวิ่งที่เข้ามาร่วมงาน เมื่อลงจากรถได้พบสิ่งที่หน้าประหลาดใจมาก คือ วันนี้ มีอากาศเย็น สบายมาก เลยไม่แน่ใจว่าเป็นทุกที่ทั่วกรุง หรือว่าเป็นเฉพาะที่นี่ ที่อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา

เมื่อเดินไปถึงบริเวณจัดงาน เจ้าหน้าที่ กำลังดำเนินการอย่างแข็งขัน ข้าพเจ้าจึงเข้าไปสมัครวิ่ง ในห้องที่ทางงานจัดไว้ให้ ในบรรยากาศติดแอร์  ซึ่งก็ต้องเขียนใบสมัคร และเลือกรับกระเป๋า หรือกระเป๋าใส่รองเท้า ตามแต่ใจที่นักวิ่งอยากได้

บริเวณจุดฝากของ อยู่ติดกับบริเวณจุดรับสมัคร ดูรัดกุมและปลอดภัย มีการแจกหมายเลขเคลือบพลาสติกให้กับนักวิ่งเมื่อฝากของ (แต่เมื่อตอนรับของดูวุ่นวายนิดหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่หากระเป๋าช้า เลยไม่แน่ใจว่า มีการเรียงหมายเลขในการจัดเก็บของอย่างไร อาจต้องปรับปรุงอีกหน่อยครับ)

กลับมาที่สนามวิ่ง  การปล่อยตัวของที่นี่ งานนักวิ่ง ย่อมรู้ใจนักวิ่ง พิธีการไม่เยิ่นเหยอ เป็นไปตามเวลา
บริเวณจุดสตารท์มีการตั้งซุ่มน้ำ ให้นักวิ่ง ได้จิบก่อนออกวิ่ง (เยี่ยมครับ)

สำหรับเส้นทางวิ่ง ยังเป็นเส้นทางเดิม แต่ถ้าจำไม่ผิดจำนวนชั้นที่วิ่งในตึกเพิ่มขึ้นหลายชั้น ต้องรอพี่พี่มายืนยันอีกครั้ง

สำหรับการปิดถนน บอกได้เลยว่ายอดเยี่ยมครับ ขณะวิ่งทำให้รู้สึกถึงความปลอดภัย สามารถวิ่งได้ตามสปีดที่ต้องการ การวิ่งข้ามสะพานพระราม 7 ทั้งไปและกลับ สามารถปิดการจราจรได้สมบูรณ์แบบ

จุดให้น้ำจุดแรกอยู่ที่ 2.5 กม  การตั้งโต๊ะมี 2 โต๊ะ แต่เนื่องจากไม่มีการแข่งขัน และเจ้าหน้าที่เตรียมน้ำทัน จึงไม่น่าเกิดปัญหาขึ้น  สำหรับเรื่องน้ำไม่พอ ไม่ได้ยินเสียงบ่นเลยแม้แต่เสียงเดียว แสดงว่า แนวหน้า แนวกลาง แนวหลัง ได้รับน้ำครบถ้วน

จุดที่สอง ถ้าจำไม่ผิด อยู่ที่ 5.3 กม กว่าๆ  จุดที่สาม 7 โลกว่าๆ

เมื่อกลับเข้ามาสู่บริเวณจัดงานก็ต้องวิ่งขึ้นตึก จำนวนสองตึก ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงานเลย ใครถนัดทางเรียบ มาเจอทางขึ้นเนินแบบนี้ ก็มีการขับเคี่ยวกันบนเส้นทางบนตึกอย่างเมามันส์ ทั้งสองตึก

เมื่อวิ่งลงตึกมา ก็วิ่งอีกประมาณ 600 เมตร ก็ถึงเส้นชัย

เมื่อถึงก็มีเจ้าหน้าที่แจกเหรียญ และสลากรางวัล เพื่อไปลุ้นรางวัลในบริเวณจัดงาน

เท่าที่ ข้าพเจ้า จำได้ เบอร์ 1 ได้ รถเข็นกระเป๋า เบอร์ 2 ได้เก้าอี้ไม้เท้า  เบอร์ 3 ได้หม้อหุงข้าว  เบอร์ 6 ได้ของชำร่วย

บรรยากาศหลังเส้นชัย เต็มไปด้วยมิตรภาพในหมู่นักวิ่ง ยิ้มแย้ม สนุกสนานมาก บรรดาเหล่าแฟนซี ที่เป็นสีสรรของงาน มีมากมายจริงๆ

อาหารที่ทางเจ้าภาพนำมาจัด ที่เป็นไฮไลท์ คือ ข้าวกล้องไข่เจียว อร่อยสมชื่อ  นอกจากนี้ยังมี บากูเต ของจิมรันนิ่ง  ถั่วเขียวต้ม จากสวนพฤกษ์ 99   ข้าวต้มจากบางขุนเทียน และอื่นๆ อีกเนื่องจากแอดมินมีธุระต่อต้องรีบกลับเลยไม่ได้เดินดูให้ทั่วถึง ขออภัยที่อาจจะกล่าวขาดท่านใดไปบ้าง

ซึ่งปีนี้ ต่างกับปีก่อนนิดนึง คือปีที่แล้วมีให้เลือกอีกระยะคือ ไม่มีขึ้นตึก ซึ่งมุมมองของข้าพเจ้า ว่าถ้าเป็นนัิกวิ่งใหม่ๆ มักจะกลัวการขึ้นเนินสูง  น่าจะมีทางเลือกให้สำหรับคนที่ไม่อยากขึ้นตึกด้วยนะครับ (แต่ที่ทางงานตัดไปอาจเกิดจากการจัดการที่อาจยุ่งยากก็เป็นไปได้ ถ้ามีการแบ่งสองประเภทในงาน)


นี่คือสิ่งที่เกิดหลังวิ่ง ที่นี่เรามาดูในระหว่างการแข่งขันกันบ้าง

หลังสิ้นเสียงสตาร์ท จุดกลับที่สอง  อยู่ที่ประตูทางเข้า หลังจากไปกลับในจุดแรกเรียบร้อย ซึ่งเป็นทางเช่นเดียวกับปีก่อน ซึ่งเหมือนเช่นเคย บอย สับหนีไปไกล ห่างจากข้าพเจ้าประมาณ 200 เมตร เมื่อข้าพเจ้าถึงจุดกลับตัวแรก ซึ่งในช่วงแรกวิ่งไปกับพี่จุ่ง ซึ่งแกไม่ได้พกเทคโนโลยีใดๆ จึงถามเวลาและระยทางกับข้าพเจ้า ซึ่งพอได้ความ แกจึงเร่งหนีหายไปในกลีบเมฆ เป็นคนแรก ซึ่งวันนี้รู้สึกถึงความฟิตของตัวเองมาก เพราะไม่ว่าจะวิ่งจังหวะไหน ก็รู้สึกว่าตัวเองเหลือ

โจทย์เก่า อยู่ข้างหลัง อิอิ
เมื่อวิ่งครบระยะ 2 กม. แรก ผ่านไปก่อนที่จะวิ่งออกไปสู่ถนนภายนอก ก็สามารถวิ่งแซง พี่เสียดำ ไปได้อย่างเงียบๆ  ซึ่งในช่วงนี้ จึงพยายามประคองวิ่งตามบอย ไม่ให้หนีไกลมากนัก โดยมีเป้าหมายจะต้องแซงหลังจากลงสะพานแรกก่อนกลับให้ได้ ซึ่งเมื่อวิ่งข้ามสะพานพระราม 7 ไปเรียบร้อยแล้ว จังหวะที่วิ่งลงก็พยายามหาจังหวะแซงแต่ก็ยังไม่ได้จังหวะที่ดี จึงประคองไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงทางราบก่อนขึ้นสะพานขากลับ จังหวะนี้ ที่บอย ดรอปลงอาจจะเป็นเพราะบอยไม่ชอบวิ่งลงสะพาน จึงเปลี่ยนจังหวะการวิ่งลง ข้าพเจ้าชิงจังหวะวิ่งฉีกหนีขึ้นไป และแซงในช่วงนี้

ในใจคิดว่าจะต้องฉีกในช่วงทางราบให้ไกลที่สุด  เพราะถ้าไปถึงจุดวิ่งบนอาคาร ความแข็งแกร่ง ของเราสู้บอยไม่ได้แน่นอน เพราะปกติ บอยจะใช้ทางจอดรถของโรงพยาบาล วิ่งซ้อมขึ้นลงอยู่เป็นประจำ

จนถึงจังหวะที่ลงสะพานขากลับ ได้รับสัญญาณจากพี่รุจน์ ว่าบอยตามมาข้างหลัง ข้าพเจ้ารู้ดีเลยว่าบอยพยายามตามขึ้นมาให้ทัน ข้าพเจ้าจึงกดเต็มที่ในช่วง กม ที่ 6 ช่วงลงสะพาน เพื่อรักษาระยะห่างให้มากกว่าเดิม

และปล่อยจังหวะไหลไป กระทั่ง กม ที่ 8 รู้ว่าระยะห่างประมาณ 400 เมตร ซึ่งมันคงถูกลดลงเมื่อก้าวเท้าขึ้นตึก  ซึ่งระยะทางบนตึกปีนี้ เป็นเส้นทางที่ไม่เท่าเดิม การวิ่งของข้าพเจ้าในการขึ้นและลงตึก งัดเทคนิคทุกอย่างออกมาวิ่งทั้งหมด ในระหว่างที่มัวระวังแต่บอย  ในช่วงทางลงจากจุดสูงสุดของตึกที่สอง  กับโดยพี่ทศ จากชมรมสยามรันเนอร์ ใส่แล้วเเซงในจังหวะลง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าก็ยอมไม่ได้ จึงเร่งตามไปอย่างกระชั้นชิด แต่ไม่ออกแรงจนเกินไป เพราะตั้งใจจะเอาไว้ใส่คืนช่วงทางราบ  เพราะทางลงแบบนี้ มีโอกาสเสี่ยงที่จะบาดเจ็บมาก

ซึ่งเมื่อสิ้นสุดการลงตึก เส้นทางให้หักเลี้ยวขวา บริเวณทางลง สายตาอินทรีย์ ที่จ้องตะครุบเหยื่อที่ห่างออกไป ร่วม 10 เมตร  สปิ้นทันที งัด จังหวะวิ่ง 400  ที่เคยซ้อมใช้เวลา 1.20 ออกมา

ถามว่าทำไมต้อง วิ่งจังหวะ 400   หลายคนที่ไม่เคยมีโปรแกรมซ้อม ยังไม่รู้ว่าโปรแกรมนั้นสร้างอะไรให้กับวิ่งบ้าง  ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องละเอียดที่ต้องคุยกันอีกที

วิ่ง 400 เมตรนี้ มาจาก การวิ่งมาสำรวจทางก่อนวิ่ง โดยเช็คแล้วจากระยะเส้นชัยกลับมาตรงนี้ อยู่ที่ประมาณ 380 เมตร  ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงงัดโปรแกรมนี้ขึ้นมาใส่เพื่อดวลกันแบบให้เห็นดำเห็นแดงไปเลยกับเป้าหมายใหม่ที่ไม่ได้ตั้งใจดวล

ซึ่งหลังจากสปีดขึ้นมา สามารถแซงได้ตั้งแต่ 100 เมตรแรก แต่ข้าพเจ้ายังไม่หยุด ยังคงเร่งๆ ๆๆๆ เพื่อไม่ให้คนที่ตามมาได้ใจว่าไล่ได้ เรียกว่า ถ้าจะฆ่า ต้องฆ่ากันให้ตาย อย่าให้ได้ลุกขึ้นมาสู้อีก

หลังเข้าเส้นชัย ก็ได้รับเหรียญพร้อมกับลุ้นว่า ได้อันดับที่เท่าไหร่ ซึ่งปรากฏว่าทำอันดับได้ดีกว่าปีก่อน ปีนี้ สามารถวิ่งเข้ามาได้อันดับที่ 39  โอ้เยสสสสสสส

ทั้งชนะ ทั้งสะใจ  เสียดายที่ระยะทาง GPS งานนี้ไม่แม่นเพราะวิ่งขึ้นตึก ไม่งั้นอาจมีลุ้น New PB ซะด้วย

ต้องขอบคุณพี่ทศ ที่มาวิ่งให้ไล่  ไม่งั้นอาจจะโดนบอยเก็บได้แน่ๆ

10.09  กม.
ไช้ ใช้เวลา  48.12 นาที
บอย ใช้เวลา 49.10 นาที

ไช้  14   บอย  21


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น