วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Race 33-34 Double Half

Race 33 สำนักอัยการสูงสุด เดินวิ่ง เพื่อยุติ ความรุนแรง

งานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นกระทันหัน เหมือนมีนัยยะที่จะหัก กรุงเทพฯมาราธอนที่ทยานการขึ้นราคาค่าสมัครอย่างบ้าคลั่ง โดยมิได้ฟังเสียงทัดทานจากรอบด้าน

ซึ่งเส้นทางเกือบ 90% ก็คืองาน Half Bangkok Marathon ดีดีนี่เอง

ถือว่าเป็นสนามซ้อมสนามสุดท้ายก่อน สัมผัส กับ งานวิ่งของชาวกรุง ที่รอคอยเสียที
อากาศในช่วงนี้เหมือนเป็นใจอย่างมาก อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการวิ่งยาวๆ เป็นอย่างมาก


การวิ่งบนทางยกระดับบรมราชินี ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่คนนี้

แต่กับการวิ่งระยะทางไกลๆ ที่บรรยากาศเงียบเหงาตลอดทาง ทำให้นักวิ่งคนนี้ได้เปิดหูเปิดตา ว่าการวิ่งโดยสมาธิของตัวเอง นั้นสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ กับการกำหนดลมหายใจเข้าออกระหว่างวิ่ง


กอปกับอากาศที่เย็นสบายการวิ่งวันนี้ถือเป็นการวิ่งระยะฮาล์ฟ ที่สนุกที่สุดในชีวิตนักวิ่ง

นอกจากเวลาจะดีแล้วร่างกายก็ยังพร้อมสำหรับอาทิตย์ต่อไปด้วย

ระยะ 21 กม (ถึงหรือป่าวไม่รู้) เวลา 1:58:29



ไช้
14 พฤศจิกายน 2010






Race 34 กรุงเทพฯ มาราธอน 2010

กรุงเทพฯ เมืองฟ้า เมืองสวรรค์ ช่างเป็นเมืองที่ชาวต่างชาติถวิลหาเพื่อมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ
แต่ทำไม กรุงเทพฯ สำหรับผมไม่เป็นเยี่ยงนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อน การวิ่งแบบสมาธิ อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก แต่กับอาทิตย์นี้ ทำไม มันช่างดูชุลมุนวุ่นวาย ไปหมด นี่หรืองานวิ่งระดับนานาชาติ ที่เราถวิลหามาแรมปี  ทำไมเมื่อถึงวันจริงเราถึงไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับงานในวันนี้เลย



อากาศในวันนี้ ช่างต่างจากอาทิตย์ก่อนอย่างลิบลับ อากาศร้อนมากมาย ความเย็นที่เคยมีนั้นหายเกลี้ยงไปหมด  วันนี้ก่อนการวิ่งได้พูดคุยกับเพื่อนชาวอิตาลี ที่วันนี้มาวิ่งมาราธอนที่นี่ ว่าให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ซึ่งหวังว่าวันนี้จะวิ่งเข้ามาทันระยะมาราธอนที่เข้าเส้นให้ได้

แต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเยี่ยงนั้นไม่ เพราะอากาศที่ร้อน จำนวนคนที่มากมาย ทำให้การหายใจเป็นไปอย่างลำบากมาก  การวิ่งที่สนุกอาทิตย์ก่อนไม่มีหลงเหลือแม้แต่ขีดเดียวในวันนี้





ถึงแม้นว่าการวิ่งวันนี้จะไม่สนุก แต่โดยหน้าที่ของนักวิ่ง จะต้องวิ่งให้ถึงเส้นชัยให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

การวิ่งบนทางยกระดับนั้นสามารถทำได้ตามปกติเพราะปิดถนน 100% และอากาศที่โปร่ง แต่เมื่อย้อนกลับมาที่สะพานพระราม 8 และลง ต้องมาเจอกับอากาศและสภาพการจราจร นั้น ทำให้เรี่ยวแรงถดถอยไปพอประมาณ ซึ่งก็พยายามฝืนกำลังตัวเองให้ผ่าน พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ จากพี่รุจน์ และกลับมาที่เส้นชัยให้ทันกับเป้าที่ตั้งไว้ แต่เป็นที่น่าเสียดาย

ซึ่งเวลาที่วิ่งสุดแรง คือ

2:03:47  ระยะวันนี้มั่นใจแน่ว่าครบระยะครึ่งมาราธอนแน่นอน

ซึ่งพลาดเป้าหมายไปพอสมควร ซึ่งคงต้องฝากไว้ก่อน แล้วค่อยมาเอาคืนทีหลัง หรืองานต่อไป


ไช้
21 พฤศจิกายน 2010




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น