วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Race 97 KORT 2012

Race 97 KORT 2012


ความประทับใจในมาตรฐานการจัดงานในปีก่อน ถูกบั่นทอนความรู้สึก จนหมดสิ้น เมื่อมาวิ่งปีนี้

รายการนี้ถือเป็นรายการฉลอง 1 ปี ของการรู้จักเพื่อนๆ ใน Endomondo.com ซึ่งคิดว่างานน่าจะออกมาดี แต่แค่เริ่มต้น การรับเบอร์ รับชิพ ก็ส่อเค้าความวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนๆหลายคนที่สมัครวิ่ง ล่วงหน้าไว้ ปรากฏว่าไม่มีเบอร์ ไม่มีเสื้อ ไม่มีชิพ เพราะเจ้าหน้าที่เอาไปขายหน้างานหมดแล้ว

กระแส จากหนัง ทำให้คนออกมาวิ่งมากมาย แต่คุณกลับทำแบบนี้ เอาเบอร์ราคาเดิมไปขายให้คนใหม่ในราคาที่สูงขึ้น จากกติกาสมัครหน้างานจ่ายเพิ่ม

ยังโชคดีที่ในกลุ่มของข้าพเจ้าได้ฝากน้องสิน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของอดิดาสสมัคร เลยไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้น รอดไปหนึ่งอย่าง

กลับมาในเรซ ของการแข่งขัน เหมือนจะรู้สึกดีกับเส้นทางปิดถนน หลังจากออกจากสวนลุม การปิดถนน นี่ขอบอก ว่า กรุงเทพฯ มาราธอน ยังอายเลยครับ กรวยตลอดเ้ส้นทาง ถนนสาทร ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ แต่ก็น่าจะมาจากการที่วิ่งตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ ด้วย จึงทำให้สามารถควบคุมได้ จุดให้น้ำ มีทั้งน้ำเป็นแก้ว และน้ำเป็นขวด ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนดูดี ข้าพเจ้าคว้าขวดน้ำมา 1 ขวดระหว่างวิ่ง และวางขวดคืน เมื่อวิ่งถึงเส้นทางก่อนขึ้นสะพานสาทร โดยหารู้ไม่ว่าขวด ขวดนั้นอาจช่วยตัวเองไว้ได้ เพราะหลังจากที่วิ่งไปถึงถนนตากสิน และวกกลับมาขึ้นสะพานสาทร อีกฝั่ง

จากนั้น ก็สะกดคำว่า "น้ำ" ไม่ออกเลยครับ เพราะน้ำหมดทุกจุด เพราะเริ่มมีการปล่อยตัวระยะมินิ และ ฟันรัน ออกมาทับเส้นทางกัน หลายคนตาลอยเพราะขาดน้ำ หลายคนที่มีสตางค์วิ่งเข้าหาร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำกินเอง  นับว่าเป็นความผิดพลาดที่สองที่เจอในงานนี้

บรรยากาศระหว่างทางไม่รู้จะบรรยายอย่างไร นักวิ่งหน้าใหม่เยอะมาก แต่คนมันอารมณ์เสียจากน้ำหมด ก็เลยไม่มองสิ่งสวยงามได้เท่าไรนัก และหลังจากวิ่งเข้าเส้นชัย ด้วยอาการเซ็ง กับ อาการตัวเอง และ การจัดงาน ความผิดพลาดที่ 3 ก็ผุดขึ้นมาทันที กับการที่นักวิ่งหลายคนโวยวาย เรื่องชิพหาย เอ้ย ชิพไม่อ่าน  ไม่มีการแจกป้ายอันดับ เพราะมั่นใจมาก  การรายงานตัวมั่วไปหมด ในกลุ่มแนวหน้า เห็นต้องมาตกลงอันดับกันเอง ใครคุ้นหน้ากันก็โชคดีไป เพราะยืนยันกันเอง ใครหน้าใหม่ ไม่มีพรรคพวก ก็อด  เห็นแล้วก็ระเหี่ยใจ แล้วก็ต้องมาพบความผิดหวังที่ 4  กับเรื่องการฝากของ เละอีกเช่นเคย  ไม่เคยพบกับงานไหนที่เละไม่เป็นท่าเช่นงานนี้ ว่าแล้วหมดอารมณ์ กลับบ้านดีกว่า  วันนี้แพ้ทุกท่าน  ขนาดคุณป้อมแวะเข้าห้องน้ำทำลายข้าศึกตั้งนาน ยังวิ่งเข้าก่อนข้าพเจ้าอีก อะไรกันเนี้ยยิ่งวิ่งยิ่งแย่

ระยะจริง 16.36 กม

ไช้  ใช้เวลา  1.33.04
บอย ใช้เวลา 1.27.45

ไช้ 13  บอย 19


วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Love on The Run

         หลังจากทางค่ายหนัง GTH ได้เริ่มมีการโปรโมท และประกาศวันเข้าฉาย ภาพยนตร์ รัก 7 ปี ดี 7 หน ทำให้เกิดกระแสความตื่นตัวของหมู่นักวิ่งที่จะเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งอยากดู ทั้งอยากรู้พอตเรื่องว่าเป็นอย่างไร ใช่อย่างที่พวกเรารู้สึกกันหรือป่าว  บ้างก็อยากพาครอบครัวและคนรู้จักไปดู เพราะตัวเองเป็นหนึ่งในนักแสดงประกอบ ที่เป็นนักวิ่งจริงๆ กัน เกือบ สามร้อยชีวิต

จากการดำริเล่นๆ กันในกลุ่ม  โดยพี่ย้ง ว่าเราน่าจะทำอะไรที่ไม่เคยทำ ในการไปดูหนังเรื่องนี้ โดยน่าจะรวบรวมสมาชิกที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ โดยนัดกัน และจ็อคกันไปก่อนเข้าไปดูหนัง

จากไอเดียนี้ พี่ใหญ่ของเรา พี่ทนงศักดิ์ จึงได้นำมาสานต่อ โดยการใช้คอนเน็กชั่นที่มีประสานไปยังทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้  ซึ่งทำให้สามารถนำภาพยนตร์ออกฉายได้ก่อน การเปิดฉายจริง ซึ่งสรุปกันที่วันที่ 22 กรกฏาคม 2555  มีเวลาอีกสองอาทิตย์กับการเตรียมการ

จากแคมเปญแรก งานสมันน้อยสอยพย้คฆ์ ที่เป็นงานที่กลุ่มสถาวรรันนิ่งคลับ จัดงานวิ่งเล็กๆ ขึ้นมา ซึ่งครั้งนั้นข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมเท่าไหร่ เพราะติดภาระกิจวันงาน จนมาแคมเปญที่สองนี้ ก็ตั้งใจว่าจะมีส่วนร่วมเต็มที่ ประกอบกับเมื่อต้นเดือน ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ทำให้มีเวลาเต็มตัวที่เข้ามาช่วยในครั้งนี้

ด้วยระยะเวลาที่จำกัด หน้าที่ต่างๆ จึงถูกกระจายกันออกไปตามความถนัดของแต่ละคน


งานออกแบบเสื้องาน ได้เฮียเจี่ย มาช่วยทำแบบให้  โดยทางพี่นง เป็นผู้จัดหาผู้ทำเสื้อให้

งานออกแบบเสื้อสต๊าฟและเบอร์วิ่ง ได้พี่ย้ง ออกแบบและจัดทำเสื้อให้ ส่วนเบอร์ทางสมาพันธ์ทำให้

งานประสานงาน กับ ตำรวจ ได้พี่ย้ง วิ่งเป็นแมสเซนเจอร์ ไปยื่นเอกสารให้ ที่ บกชน

งานทำป้ายงานนักวิ่งมาราธอน ป้ายสปอนเซอร์ไวนิลป้ายงาน และป้ายเชียร์ ได้ คุณป้อม และคุณเอก และอาจารย์สถาวร ช่วยดำเนินการ

งานทำตั่วหนัง ได้ทีมงาน จากรัชมังคลา พี่ปุ๊ก น้องแจง พี่อู๊ด เป็ด สาว และคนอื่นๆ อีกหลายคนช่วยกันทำ โดยอุปกรณ์การทำ ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ตุ้ม

งานประสานงานกับสถานที่  มีพี่นง พี่ย้ง อาจารย์ พี่ปุ๊ก ช่วยประสานงานที่จุฬา และโรงหนังสกาล่าให้ จนไม่ต้องจ่ายค่าสถานที่ ที่จุฬา ทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้เยอะ

งานจ้ัดทำผ้าขนหนู อาจารย์รับผิดชอบดูแล

งานสปอนเซอร์ ช่วยๆ กันหา

ธีมในงานที่วางแผนกันไว้ คือ มีการจัดวิ่งกันพอเหนื่อยที่ระยะไม่เกิน 5 กม และเข้าดูภาพยนตร์ หลังภาพยนตร์จบ จะมีการพูดคุยกับผู้กำกับและนักแสดงนำ

ด้วยเวลาที่จำกัด กับการจัดงาน การประชาสัมพันธ์ นี่เป็นการต่อสู้กับความเสี่ยงมาก

ความเสี่ยงที่ คนจะไม่มาร่วมงาน กับ คนที่มาร่วมงานเกินกว่า โรงภาพยนตร์ จะรับได้

จึงทำใ้ห้ต้องประกาศรับจำกัด 700 คน ซึ่งพี่นงและอาจารย์ได้ไปประชุมที่สมาพันธ์และแจ้งให้ในที่ประชุมทราบว่า งานนี้ อาจจะต้องแบ่งๆ ให้แต่ละชมรมไม่เกิน 20 ใบ เพื่อที่จะได้กระจายกันไป

ซึ่งก็ทำให้มีการเปิดจองกันในที่ประชุม เกิน 500 ที่นั่ง ซึ่งทำให้เราทีมงานสบายใจในเรื่องของจำนวน
เพราะเราตั้งใจแล้วล่วงหน้าว่าจะนำออกมาจำหน่ายผ่านหน้าเฟชบุค จำนวน 100 ที่นั่ง และไม่เปิดขายหน้างาน

คนเรามักจะชอบแสดงความมั่งมี ต่อหน้า สาธารณะชน  เมื่อข้าพเจ้าได้เข้ามาดูแลในส่วนนี้ร่วมกับม็อค ในการจัดส่งและดูแลเรื่องการจำหน่ายบัตรเข้างาน ทำให้รู้ซึ้งไปเลยทีเดียว

จากตัวเลขที่แสดงศักยภาพในที่ประชุม เมื่อถึงเวลาจริง กลับหดหาย ทยอยไม่มีตัวตน ไปมากโข ซึ่งก็ถือว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ติดต่อไม่ได้ โทรไปไม่รับ ไม่รู้เรื่อง สารพัดข้ออ้าง (ถ้าจะไม่เอาก็บอกมาตรงๆ ไม่ใช่มากั๊ก)  งานนี้ทำให้ได้พบมิตรแท้ไปหลายคน หนึ่งในนั้นคือ พี่สุเทพจากบางขุนเทียน และคุณเจี๊ยบ จากจ็อกแอนด์จอย

การทยอยส่งเสื้อเป็นไปอย่างเร่งด่วน ในเช้าวันศุกร์ ก่อนวันงานสองวัน  เนื่องจากเสื้อเพิ่งออกจาก โรงงาน อุ่นๆ ตอนเวลา 19:30 ของคืนวันพฤหัส  ซึ่งในคืนวันพฤหัส ก็ได้น้องเอ็ม ช่วยขับมอเตอร์ไซด์ ไปรับเบอร์วิ่งจากสมาพันธ์ที่วิภาวดีมาให้

แผนการส่งเสื้อพร้อมเบอร์วิ่ง กำหนดขึ้นอย่างคร่าวๆ เพื่อให้ทันทั้งหมดในวันเดียว โดยเริ่มจากตอนเช้า ม็อค เดินทางคนเดียวไปส่งให้ที่ชมรมสวนธน  และตอนบ่าย ข้าพเจ้าร่วมเดินทางกับการมุ่งหน้าไปส่งที่ชมรมฟอร์รันเนอร์ ต่อด้วย การกับบ้านมาเอาเสื้อเพิ่ม เพราะหยิบไซด์มาไม่พอ

จากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อไป ยังพี่สุเทพ บางขุนเทียน โดยซ้อน้อย เป็นคนรับของไป ซึ่งยอดที่ทางบางขุนเทียนช่วยเหลือ มีจำนวนมากกว่าที่ แจ้งไว้ที่ประชุมเยอะมาก  เพราะต้องการช่วยเหลือทางเราที่ถูกหลายชมรม ปฏิเสธ มาตอนหลัง

จากนั้นก็รีบไปที่ โรงงานคุณกฤตณ์ ชมรม รักอิสระ 1144 และต่อด้วยบ้านบางแค หลังจากนัดแนะเวลากับพี่สุจิตต์ชมรมเพื่อนบางแคไว้

ซึ่งตอนนั้นก็เกือบ 4 โมงแล้ว  ซึ่งเป็นเวลาที่นัดกับทางจ็อคแอนด์จอย ไว้ ทำให้เดินทางไปถึงช้ากว่าปกติ ถึงบริษัท เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว  ที่นี่น้องชายผมเค้ามีทีเด็ด  แต่ทำเอาผมงอนพี่กิ๊บไปเลยงานนี้เพราะโทรมาผิดจังหวะ 55+  สำหรับ งานนี้ จ็อกแอนด์จอย สมัครมาร่วม ร้อยเบอร์

ยังเหลืออีก 2 ที่ ที่ยังไม่ได้ส่ง จึงตกลงกันว่า จะแยกกันไปส่ง  โดยข้าพเจ้าไปส่งที่บ้านคุณสุเทพ เซ็นทรัลพระราม 2 โดยนั่งแท๊กซี่ ไปส่งต่อ  ส่วนม็อค ก็ไปส่งให้ชมรมวินเนอร์รัน อีกที

กว่าจะส่งเสร็จก็เล่นเอาระบมไปทั้งตัว เพราะยกขึ้นยกลงกันทั้งวันกับกองเสื้อทั้งหมด

เช้าวันเสาร์ นัดหมายผู้ร่วมจองผ่านเฟชบุค บางส่วน มารับที่สนามซ้อม ม.รามคำแหง  ทำให้ไม่สามารถซ้อมได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังนัดหมายการรับผ้าขนหนูที่สั่งไว้ มาส่งที่นี่ด้วย

ซึ่งงานนี้ก็กระจายบรรทุก กันไปตามๆ กัน เพราะของเยอะมาก

เช้าวันอาทิตย์ เวลานัดหมายของทีม เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน
โดย จุดสตารท์และเวที เข้ามาเป็นทีมแรก ที่เวลา 1:00 เริ่มติดตั้งป้ายและเวที แล้วเสร็จเวลา 2:00 จากนั้นก็เริ่มตั้งเต้นท์ ต่างๆ


จากนั้นสต๊าฟบางคนที่มาจอดรถไว้ก็ทยอยตื่นออกมาจากรถ เพื่อเริ่มมาช่วยงาน  สปอนเซอร์ที่สนับสนุนงานเริ่มทยอยเข้ามา ทั้งโออิชิ  รพ.นครธน  บ้านเพมาราธอน ฟอร์รันเนอร์ เริ่มจับจองพื้นที่

มิซูโน มาตั้งบูธ สินค้า ด้านล่างของโรงภาพยนตร์
พร้อมกับมาแจกบัตรส่วนลด 20% ให้กับนักวิ่งทุกท่าน

ซุ้มอาหารและน้ำดื่ม โดยสมาพันธ์เริ่มมาตั้งโต๊ะ

จนพื้นที่เริ่มเต็ม นักวิ่งเริ่มทยอยเข้ามาหน้างาน มีบางส่วน ก็มาสมัครหน้างานเพิ่มเติม  นักวิ่งหลายท่าน เห็นเสื้อสต๊าฟที่ใส่อยู่ จึงอยากได้ พี่ย้งเลยตัดสินใจให้ขายหน้างานไปด้วย เสื้อแต่ละตัวที่ทำออกมา ไม่ได้ซีซั้วทำให้มันจบ แต่มันออกมากมันสมองและใจของผู้ออกแบบล้วนๆ


 เมื่อถึงเวลาปล่อยตัว ได้รับความอนุเคราห์ะ จากทีมสกาย ดิจิตอล มาช่วยถ่ายทำภาพทางอากาศ ทำให้งานนี้แตกต่างจากงานวิ่งที่เคยประสบมา เสียดายที่วันนี้ไม่ได้วิ่ง เพราะต้องเป็นสต๊าฟที่หน้างาน โดยหน้าที่ดำเนินการสับเปลี่ยนเองโดยอัตโนมัติจากผู้รับเงินจากการจำหน่ายเสื้อ โอนให้น้องโก ไปดูแลแทน และตัวเองไปประสานงานเรื่องพื้นที่หน้างานกับเหล่าสปอนเซอร์ทั้งหลายแทน

งานวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จพอตัวและมีนัยยะในตัวเองมาก

เพราะถือว่า ทางสโมสร เป็นกาว ที่ทำให้ สสส ได้รู้จักกับ GTH กันจากงานนี้ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ "วิ่งสู่ชีวิตใหม่"

งานวันนี้จะไม่มีทางประสบความสำเร็จไปได้ถ้าขาดความร่วมมือร่วมใจจาก

สสส , สมาพันธ์เดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย, ภาพยนตร์ รัก 7 ปี ดี 7 หน, GTH, ผลิตภัณฑ์มิซูโน่, ร.พ. นครธน, โออิชิกรุ๊ป, เทสโก้ โลตัส, บ้านเพ มาราธอน,




ประมวลภาพ จากงาน Run on The Love




วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Race 96 แป๊กที่พัทยา

Race 96 แป๊กที่พัทยา

โครงการสมันน้อยสอยพยัคฆ์ โครงการ 2 ที่พัทยานี้ เป็นอีกงานที่ตั้งใจจะปราบนิวตันให้ได้ เพราะบาดแผลจากวิ่งเพื่อครอบครัวยังเจ็บลึกอยู่ในจิตใจ  การเดินทางมาแข่งขันในครั้งนี้ก็เหมือนกับงานอื่นๆที่คณะเราเมื่อเดินทางออกต่างจังหวัด จะต้องมีเที่ยวก่อนวิ่ง ครั้งนี้ เราตั้งใจไปไหว้พระที่วัดญาณสังวร และ เที่ยวชมความงามของไร่องุ่น ซิลเวอร์เลค

อากาศวันนี้ร้อนแรงมาก เมื่อเดินไปสักการะ พระธาตุเรียบร้อย แล้ว เมื่อเดินลงมาตากแดด เกิดอาการหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมขึ้นมา จึงหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง โดยอาศัยให้หลานไปช่วยซื้อน้ำมะพร้าวมาดื่มเพื่อแก้ไขอาการ หลังจากหลบแดด อาการจึงดีขึ้น จากนั้นจึงเดินทางต่อไปที่ ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ในขณะที่คนอื่นเดินถ่ายรูปกันเป็นคู่ๆ ท่ามกลางแดดอันร้อนแรง ข้าพเจ้า จึงอาศัย ร่มเงาของซุ้มที่นี่อยู่ในนั้นเืพื่อหลับ และหลับสนิทจริงๆ

จากนั้นจึงเดินทางไปที่จัดงานเพื่อรับเบอร์และเสื้อ ก่อนกลับเข้าที่พัก ซึ่งที่ตรงนี้ใช้เวลาไปหลายเหมือนกัน เพราะต้องกลับไปที่พัก และกลับมาใหม่เพื่อหาข้าวกิน สรุปได้กินกันที่ร้าน ฮอตพ็อท

จากนั้นจึงกลับที่พัก มาในปีนี้ ได้จองไว้สองที่ คือ ที่ออลซีซั่น กับอีกที่จำชื่อโรงแรมไม่ได้เพราะฝากประธานจองให้เหมือนปีก่อน แต่ปีนี้ได้ห้องใหญ่กว่าเดิม โรงแรมนี่อยู่ติดริมหาด ข้าพเจ้ากับบอย จึงขอเลือกนอนที่นี่เพื่อสะดวกในการวิ่งพรุ่งนี้  ส่วนผู้ติดตามนอนอีกโรงแรม ซึ่งบรรยากาศและอาหารเช้าดีกว่า

เช้าเวลาตี 4 เป็นเวลาตื่นนอน และหลังจากปฏิบัติภาระกิจส่วนตัวเสร็จ จึงทำการจ็อค จากที่พักไปที่บริเวณเซ็นทรัล พัทยากลาง ซึ่งเมื่อไปถึงสักพัก ก็ใกล้เวลาปล่อยตัวของฮาล์ฟ แล้ว แต่ข้าพเจ้ากลับมีอาการโดนข้าศึกบุก จึงต้องทำการวิ่งกลับไปที่พัก เพื่อจัดการ และเดินทางกลับมาที่งานอีกครั้ง ซึ่งยังไม่ทันถึง ข้าศึกอีกฝ่ายก็จู่โจมเข้ามาอีก คราวนี้วิ่งกลับด้วยความเร็วสูงเพราะใกล้เวลาปล่อยตัวเต็มที่แล้ว

เครานี้จัดแจงจนแน่ใจว่าข้าศึกทั้งหลายตายหมดแน่นอน จึงรีบวิ่งกลับมาที่จุดสตารท์ และเมื่อกำลังจะทำการยืดเหยียด เพราะวอร์มมาเยอะแล้ว ก็เจอกับพี่ย้ง พี่ย้งเลยลากไปอยู่ข้างหน้า เพราะโค๊ชบอกว่าถ้าจะทำเวลาดีดี ไม่ควรยืนข้างหลัง

บ่ะแล้ว สรุปไม่ได้ยืดเส้น  คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะบ้างครั้งที่ซ้อมเราก็ยังไม่ได้ยืดเลย

คราวนี้ ออกตัวได้แรงสมใจ ไม่ใช่เพราะขาพาไป แต่คนอื่นพาไป ไม่เร็วก็ต้องเร็วอ่ะครับ เพราะข้างหลังกรูกันเข้ามา ล่อ กิโลแรก ไป 4.21 นาที  เครียดแล้ว อาการเดิมเข้าสิง จึงเริ่มประคองตามจังหวะตัวเอง ในขณะที่ โก และ พี่ย้ง ลิ่วไปเรื่อยๆ จนคลาดสายตา

จะคอยมองตรงนี้ใกล้ๆ ไม่ให้รบกวนเธอ  เพราะวิ่งกันขนาดนี้ ไล่ไป ตัวเองตายแน่ เลยปล่อย วิ่งตามจังหวะตัวเอง โดยหวังว่าจะมีปาฏิหาร์ยเกิดขึ้นในวันนี้

เมื่อจะไม่มีเหตุการณ์อะไร การวิ่งก็ไปตามจังหวะปกติ  จนกระทั่งได้ยินเสียงทักจากพี่นง ที่วิ่งสวนมา ว่า "ย้ง โก อยู่ข้างหน้า  แต่เฮ้ยไช้วิ่งหายใจผิดปกติมากวันนี้ น่าจะไวไป"  สิ้นเสียงไม่เท่าไหร่ ในใจยังแย้งอยู่ว่าปกติ ก็วิ่งแบบนี้ หอบแบบนี้แหละ ให้จังหวะตัวเอง แต่พอพ้น กมที่ 8 จุดให้น้ำที่ 4 เท่านั้นแหละ กล้ามเนื้อน่องฝั่งซ้ายกระตุกขึ้นมา เหมือนจะเป็นตะคริว จนวิ่งไม่ได้ต้องหยุดเดินในที่สุด

นักวิ่งท่านอื่นที่ เราแซงมาไล่ทยอยแซงกลับไปทีละคนสองคน รวมถึงพี่น้อยด้วย

วิ่งไป ก็โดนชาวบ้านแซวบ้าง ถามอาการบ้าง ก็รู้สึกอายเหมือนกัน จะพยายามวิ่งอีก เพื่อให้จบแบบดูไม่น่าเกลียดจนเกินไป แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ พยายามลองวิ่งอยู่หลายเที่ยว ก็ไม่ไหว จนต้องยอมแพ้ในที่สุด

ในใจคิดไปถึงปีหน้าแล้วว่า จะต้องมาลงมินิที่นี่อีก ระยะอื่นไม่ลง เพราะแค้นใจมาก

เมื่อเกือบถึงเส้นชัย เจอน้องเบสวิ่งสวนกลับมา พร้อมส่งน้ำให้ 1 ขวด เราก็รับมาแบบงงๆ ปนมึนๆ เจอหลายตากล้องแซวซะยับเลยวันนี้ ระหว่างเดินเข้าเส้น

เมื่อเข้าเส้นชัย แล้วจึงเดินทางกลับที่พักทันที เจ็บครั้งนี้อีกนาน แต่ก็ไม่วายหลังอาบน้ำเสร็จ ก็เดินกลับมาดูเพื่อนๆ ในวันนี้ จึงรู้ว่า นอกจากข้าพเจ้าแล้ว ยังมีคนยางแตกเป็นเพื่อนอีกหลายคน

ไช้
15 กรกฏาคม 2555

ระยะจริง 11.02 กม

ไช้ ใช้เวลา 1.06.21 กม  (ทนเดิน 3 กม. เต็มๆ)


วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Race 95 ถ้วยแรกจากการวิ่ง 95 ครั้ง

Race 95 จ็อกแอนด์จอย มินิมาราธอน

รายการแข่งขันนี้ ข้าพเจ้าเคยร่วมแข่งขันไปหนึ่งครั้งแล้ว เมื่อปี 53
ซึ่งในครานั้น ข้าพเจ้าวิ่งอยู่ในรุ่น น้ำหนัก 75-84 กิโลกรัม ถ้าจำไม่ผิด ซึ่งรู้ตัวว่าคราวก่อนเสียเปรียบมาก กับน้ำหนักที่อยู่ปลายทางของรุ่น  มาปีนี้ เดิมทีก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ทว่า หลังจากจบงานกระทุ่มแบนแล้ว ได้ทำการชั่งน้ำหนักเล่นๆ ปรากฏว่า เช็คน้ำหนักตัวเองได้อยู่ที่ 83 กิโลกรัม  ซึ่งถ้าหากไปวิ่งรายการนี้ด้วยรุ่นนี้อีก คิดว่าคงจะไม่มีลุ้นอีกแน่นอน แผนปฏิบัิติการเพิ่มน้ำหนักภายใน 7 วัน ได้เกิดขึ้น สารพัดจะกิน ไม่ว่าจะแป้ง น้ำตาล ของหวาน อาทิตย์นี้ ให้อิสระกับลิ้นอย่างเต็มที่ จนวันเสาร์สามารถทำน้ำหนักขึ้นมาได้ที่ 86 กิโลกรัม จนได้

เช้าวันอาทิตย์เป็นเวลาสำหรับการเิดินทางไปล่าถ้วยใบแรกในชีวิต ด้วยความหวังว่าอาจจะฟลุ๊กบ้างก็ได้ ได้เกิดขึ้น  สนามนี้เป็นสนามที่จัดขึ้นที่สวนหลวง ร.9 เหมือนครั้งเดิม ผู้คน และเหล่านักวิ่งรุ่นตุ้ยนุ้ย  หลายๆ คน มาด้วยความหวังที่จะเป็นผู้พิชิตเหมือนกันหมด ไม่เว้นแต่ตัวข้าพเจ้า

แผนการณ์ในวันนี้ หวังที่จะคว้าทั้งกล่องและ New PB กลับมาให้ได้ จึงวางแผนวิ่งที่จังหวะ 4.45 ในวันนี้ สิ้นเสียงแตรลมปล่อยตัว ไม่รอช้าที่จะกระชากขึ้นนำทันที เท่าที่สังเกตุในรุ่นนี้ มีฝรั่งหลายคนเลยทีเดียว ซึ่งคิดว่ากว่าจะเช็คตัวได้ก็คงถึง กม ที่ 5 แน่นอน ในจังหวะที่วิ่งสวนทางกัน

5 กม.แรก ในวันนี้ดูดีกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่มีอาการหมดออกมาเผยไต๋ให้คู่แข่งขันเห็น  โดย 5 กม นี้ วิ่งดูดเพื่อนมาตลอดทาง และเมื่อถึงระยะการกลับตัว ที่ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะดูตัวฝั่งตรงข้ามเพื่อนับอันดับ กลับไม่ต้องทำโดยปริยาย เพราะ เมื่อวิ่งสวนกับกลุ่มนักวิ่ง มีคนตะโกนบอกคนข้างหน้าว่า อยู่ที่ 5 ซึ่งนักวิ่งท่านนี้ข้าพเจ้าจำได้ว่าอยู่รุ่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าตอนนี้ ข้าพเจ้าอยู่ที่อันดับที่ 7 โดยเพื่อนอยู่ที่อันดับที่ 6  ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ครั้งนี้หันหลังกลับไปดูนักวิ่งที่วิ่งตามมา ซึ่งก็ได้เห็นว่าในกลุ่มรุ่นเดียวกัน ตามมาอีกเป็นพรวนเลย

งานนี้ถ้าสเตปดรอปลงเมื่อไหร่ คงโดนเก็บแน่ๆ   ยังไม่ทันสิ้นเสียงความคิด ข้าพเจ้าก็วิ่งแซงทั้งเพื่อน และผู้ที่อยู่อันดับที่ 5 ไปอย่างหน้าตาเฉย

มาถึงวันนี้รู้แล้ว หลังจากที่ได้รับการแนะนำและฝึกสอน จาก อาจารย์สถาวร ทำให้รู้แล้วว่า ทำไมเราต้องวิ่ง 200 jog 100 ทำไม ต้องวิ่ง 4K 2 เที่ยว หรือ ว่าทำไมต้องวิ่ง 1KM 10 เที่ยว

จากจังหวะที่มั่นคงไม่มีตก ทำให้ยังสามารถรักษาจังหวะตัวเองได้ดี และหากผู้ร่วมแข่งขันไม่สามารถรักษาจังหวะตัวเองได้ นั่นหมายถึง พวกท่านอาจจะโดนแซงในที่สุด

หลังจากขึ้นนำ มาอยู่ที่ 5 ก็พยายามคิดว่าตัวเองเป็นทีมชาติ วิ่งโดยรักษาจังหวะส่วนหนึ่ง และอีกทางนึง ก็ใช้หางตา เหลียวมองผู้ติดตามมาอยู่ตลอด

จนเมื่อถึง กม ที่ 8 ก็สามารถตามที่ 1 แนวหน้าหญิง รุ่น 50 ได้ (555555) จากนั้นก็วิ่งประคองจังหวะเดียวกับท่านนั้นมาเรื่อยๆ จนมาเจอ แนวหน้าหญิง อีกท่านหนึ่ง ที่โดยปกติจะได้รับถ้วยที่ 1 เป็นประจำ มาวันนี้ เธอวิ่งด้วยจังหวะแปลก ๆ  หลังจากที่วิ่งตามแล้วแอบฟัง แนวหน้าทั้ง 2 คุยกัน ก็ได้ความว่า

วันนี้ตั้งใจจะมาเอากรอปรูป อันดับที่ 6 จากในงาน เพราะ ปีนี้ 1-5 ได้ถ้วย  อันดับที่ 6 ได้กรอบรูป ถ้วยมีเยอะแล้วว่างั้น  ซึ่งหลังจากแอบฟังอย่างหนำใจ และระยะใกล้ถึงเส้นชัยเต็มที่แล้ว เธอคนนั้นได้รับข้อมูลอำดับของตัวเองจนแน่ใจแล้ว จึงหยุดวิ่ง รอนับจำนวนนักวิ่งท่านอื่นที่วิ่งมาในรุ่นเดียวกัน เพื่อให้เธอได้ที่ 6 อย่างสมใจ  (อย่างนี้ก็มีด้วย)

ข้าพเจ้าเริ่มสปีดหนีออก เพื่อเข้าเส้นชัย และเริ่มมีแรงกลับมาเมื่อพ้นโค้งและเลี้ยวซ้ายเข้าสู่จุดหมายปลายทาง และสิ่งที่ข้าพเจ้า รอคอยมาตลอด 3 ปี ก็ได้บังเกิดขึ้น กับป้ายอันดับที่ 5 ในรุ่นน้ำหนักตัว 85-94 ก็ได้ตกมาถึงมือข้าพเจ้าโดยบัดดล  แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะจากกติการะบุไว้ว่าจะต้องไปรายงานตัวภายใน 15 นาที หลังเข้าเส้นเพื่อเช็คน้ำหนักจริงหลังการวิ่ง

การแข่งขันจริงเพิ่งจะเริ่มหลังจากนี้ต่างหาก

วิ่งเหนื่อยแทบตาย แต่มาตกม้าตายเพราะน้ำหนักเนี้ยไม่ใช่เรื่องเลยนะ  ซึ่งทุกครั้งที่มีการวิ่งข้าพเจ้าสังเกตุว่าน้ำหนักจะหายไปทุกครั้ง เกือบ 3 กิโล ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าคิดว่าน้ำหนักตอนเนี้น่าจะเหลือเต็มที่ก็ 84 กม  มหกรรมการขุน จึงเริ่มเกิดขึ้น  น้ำดื่มสารพัดแก้ว ถูกเทไหลรินลงช่องปาก ไหลข้ามไปสู่อนูอื่นๆ ของร่างกาย ข้าวเหนียวหมู แซนวิส ต่างๆ ที่ในงานจัดเตรียมไว้ให้ ถูกทยอยบรรจุลงในกระเพาะอย่างเป็นระเบียบ  การเดิมพันครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ เพราะหากเข้าแถวรายงานตัวแล้ว น้ำหนักไม่ถึง เราก็จะฟาวล์ไป ซึ่งคงเป็นเรื่องที่หน้าเสียดายที่มาตายตอนจบ

ตอนนี้เดาว่าร่างกายคงจะหนักอยู่ที่ประมาณ 85 กม. รวมกับรองเท้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ คงหน้าจะผ่านการชั่งในครั้งนี้แบบฉิวเฉียดแน่ๆ  แต่สถานการณ์นี้พลาดไม่ได้  ต้องหาของกินเพิ่ม ยิ่งเมื่อเจอเพื่อนนักวิ่งในช่วงนี้ การสนทนาเป็นไปอย่างกระฉับ เพราะในสมองมีจุดหมายเรื่องอื่นอยู่

ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงเติมน้ำผลไม้ไปอีก 3 แก้ว รวมถึงน้ำเย็นอีก 3 แก้ว  มั่นใจแน่ว่าผ่านชัวร์ จึงเดินไปเข้าแถว พร้อมกับเพื่อนคู่หูที่วันนี้ ได้ป้ายอันดับที่ 7 ระหว่างรอ ใจก็เต้นตุ๊ปตับ ลุ้นมาก ยิ่งฝรั่งข้างหน้า ฟาว์ลไปหลายคน จากน้ำหนักตัวที่ไม่ถึง ก็เริ่มเสียวสันหลังเหมือนกัน  ฤา นี่จะเป็นทุกขลาภ ถ้าวิ่งมาไม่ติดป่านนี้ ไปเดินตีพุง ดูสาวๆ สบายแล้ว

จนมาถึงคิวการชั่งของเรา ขาขวาบรรจงวางบนแท่นวาง และจึงตามด้วยขาซ้าย เมื่อเหลียวไปมองน้ำหนัก ป่วนเปี้ยนอยู่ที่ เลข 8X แต่ส่ายไปส่ายมา น่าเวียนหัว จนเข็มหยุดอยู่ที่ 85.5 รอดแล้วเฟ้ยยยย

เมื่อรายงานตัวจึงพบว่า อันดับที่ 3 ฟาว์ล น้ำหนักตัวไม่ถึง ข้าพเจ้าจึงเลื่อนอันดับมาอยู่ที่ 4 โดยปริยาย

ส่วนเพื่อนบอย จบที่อันดับที่ 6  แต่ไม่รู้จะไปรับกรอบรูปจากใคร?????

เรียงลำดับ จาก 5 ไป 1


ระยะจริง 9.83 กม

ไช้ ใช้เวลา 47.16
บอย ใช้เวลา 47.52

ไช้ 13  บอย 18