วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Race 95 ถ้วยแรกจากการวิ่ง 95 ครั้ง

Race 95 จ็อกแอนด์จอย มินิมาราธอน

รายการแข่งขันนี้ ข้าพเจ้าเคยร่วมแข่งขันไปหนึ่งครั้งแล้ว เมื่อปี 53
ซึ่งในครานั้น ข้าพเจ้าวิ่งอยู่ในรุ่น น้ำหนัก 75-84 กิโลกรัม ถ้าจำไม่ผิด ซึ่งรู้ตัวว่าคราวก่อนเสียเปรียบมาก กับน้ำหนักที่อยู่ปลายทางของรุ่น  มาปีนี้ เดิมทีก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ทว่า หลังจากจบงานกระทุ่มแบนแล้ว ได้ทำการชั่งน้ำหนักเล่นๆ ปรากฏว่า เช็คน้ำหนักตัวเองได้อยู่ที่ 83 กิโลกรัม  ซึ่งถ้าหากไปวิ่งรายการนี้ด้วยรุ่นนี้อีก คิดว่าคงจะไม่มีลุ้นอีกแน่นอน แผนปฏิบัิติการเพิ่มน้ำหนักภายใน 7 วัน ได้เกิดขึ้น สารพัดจะกิน ไม่ว่าจะแป้ง น้ำตาล ของหวาน อาทิตย์นี้ ให้อิสระกับลิ้นอย่างเต็มที่ จนวันเสาร์สามารถทำน้ำหนักขึ้นมาได้ที่ 86 กิโลกรัม จนได้

เช้าวันอาทิตย์เป็นเวลาสำหรับการเิดินทางไปล่าถ้วยใบแรกในชีวิต ด้วยความหวังว่าอาจจะฟลุ๊กบ้างก็ได้ ได้เกิดขึ้น  สนามนี้เป็นสนามที่จัดขึ้นที่สวนหลวง ร.9 เหมือนครั้งเดิม ผู้คน และเหล่านักวิ่งรุ่นตุ้ยนุ้ย  หลายๆ คน มาด้วยความหวังที่จะเป็นผู้พิชิตเหมือนกันหมด ไม่เว้นแต่ตัวข้าพเจ้า

แผนการณ์ในวันนี้ หวังที่จะคว้าทั้งกล่องและ New PB กลับมาให้ได้ จึงวางแผนวิ่งที่จังหวะ 4.45 ในวันนี้ สิ้นเสียงแตรลมปล่อยตัว ไม่รอช้าที่จะกระชากขึ้นนำทันที เท่าที่สังเกตุในรุ่นนี้ มีฝรั่งหลายคนเลยทีเดียว ซึ่งคิดว่ากว่าจะเช็คตัวได้ก็คงถึง กม ที่ 5 แน่นอน ในจังหวะที่วิ่งสวนทางกัน

5 กม.แรก ในวันนี้ดูดีกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่มีอาการหมดออกมาเผยไต๋ให้คู่แข่งขันเห็น  โดย 5 กม นี้ วิ่งดูดเพื่อนมาตลอดทาง และเมื่อถึงระยะการกลับตัว ที่ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะดูตัวฝั่งตรงข้ามเพื่อนับอันดับ กลับไม่ต้องทำโดยปริยาย เพราะ เมื่อวิ่งสวนกับกลุ่มนักวิ่ง มีคนตะโกนบอกคนข้างหน้าว่า อยู่ที่ 5 ซึ่งนักวิ่งท่านนี้ข้าพเจ้าจำได้ว่าอยู่รุ่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าตอนนี้ ข้าพเจ้าอยู่ที่อันดับที่ 7 โดยเพื่อนอยู่ที่อันดับที่ 6  ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ครั้งนี้หันหลังกลับไปดูนักวิ่งที่วิ่งตามมา ซึ่งก็ได้เห็นว่าในกลุ่มรุ่นเดียวกัน ตามมาอีกเป็นพรวนเลย

งานนี้ถ้าสเตปดรอปลงเมื่อไหร่ คงโดนเก็บแน่ๆ   ยังไม่ทันสิ้นเสียงความคิด ข้าพเจ้าก็วิ่งแซงทั้งเพื่อน และผู้ที่อยู่อันดับที่ 5 ไปอย่างหน้าตาเฉย

มาถึงวันนี้รู้แล้ว หลังจากที่ได้รับการแนะนำและฝึกสอน จาก อาจารย์สถาวร ทำให้รู้แล้วว่า ทำไมเราต้องวิ่ง 200 jog 100 ทำไม ต้องวิ่ง 4K 2 เที่ยว หรือ ว่าทำไมต้องวิ่ง 1KM 10 เที่ยว

จากจังหวะที่มั่นคงไม่มีตก ทำให้ยังสามารถรักษาจังหวะตัวเองได้ดี และหากผู้ร่วมแข่งขันไม่สามารถรักษาจังหวะตัวเองได้ นั่นหมายถึง พวกท่านอาจจะโดนแซงในที่สุด

หลังจากขึ้นนำ มาอยู่ที่ 5 ก็พยายามคิดว่าตัวเองเป็นทีมชาติ วิ่งโดยรักษาจังหวะส่วนหนึ่ง และอีกทางนึง ก็ใช้หางตา เหลียวมองผู้ติดตามมาอยู่ตลอด

จนเมื่อถึง กม ที่ 8 ก็สามารถตามที่ 1 แนวหน้าหญิง รุ่น 50 ได้ (555555) จากนั้นก็วิ่งประคองจังหวะเดียวกับท่านนั้นมาเรื่อยๆ จนมาเจอ แนวหน้าหญิง อีกท่านหนึ่ง ที่โดยปกติจะได้รับถ้วยที่ 1 เป็นประจำ มาวันนี้ เธอวิ่งด้วยจังหวะแปลก ๆ  หลังจากที่วิ่งตามแล้วแอบฟัง แนวหน้าทั้ง 2 คุยกัน ก็ได้ความว่า

วันนี้ตั้งใจจะมาเอากรอปรูป อันดับที่ 6 จากในงาน เพราะ ปีนี้ 1-5 ได้ถ้วย  อันดับที่ 6 ได้กรอบรูป ถ้วยมีเยอะแล้วว่างั้น  ซึ่งหลังจากแอบฟังอย่างหนำใจ และระยะใกล้ถึงเส้นชัยเต็มที่แล้ว เธอคนนั้นได้รับข้อมูลอำดับของตัวเองจนแน่ใจแล้ว จึงหยุดวิ่ง รอนับจำนวนนักวิ่งท่านอื่นที่วิ่งมาในรุ่นเดียวกัน เพื่อให้เธอได้ที่ 6 อย่างสมใจ  (อย่างนี้ก็มีด้วย)

ข้าพเจ้าเริ่มสปีดหนีออก เพื่อเข้าเส้นชัย และเริ่มมีแรงกลับมาเมื่อพ้นโค้งและเลี้ยวซ้ายเข้าสู่จุดหมายปลายทาง และสิ่งที่ข้าพเจ้า รอคอยมาตลอด 3 ปี ก็ได้บังเกิดขึ้น กับป้ายอันดับที่ 5 ในรุ่นน้ำหนักตัว 85-94 ก็ได้ตกมาถึงมือข้าพเจ้าโดยบัดดล  แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะจากกติการะบุไว้ว่าจะต้องไปรายงานตัวภายใน 15 นาที หลังเข้าเส้นเพื่อเช็คน้ำหนักจริงหลังการวิ่ง

การแข่งขันจริงเพิ่งจะเริ่มหลังจากนี้ต่างหาก

วิ่งเหนื่อยแทบตาย แต่มาตกม้าตายเพราะน้ำหนักเนี้ยไม่ใช่เรื่องเลยนะ  ซึ่งทุกครั้งที่มีการวิ่งข้าพเจ้าสังเกตุว่าน้ำหนักจะหายไปทุกครั้ง เกือบ 3 กิโล ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าคิดว่าน้ำหนักตอนเนี้น่าจะเหลือเต็มที่ก็ 84 กม  มหกรรมการขุน จึงเริ่มเกิดขึ้น  น้ำดื่มสารพัดแก้ว ถูกเทไหลรินลงช่องปาก ไหลข้ามไปสู่อนูอื่นๆ ของร่างกาย ข้าวเหนียวหมู แซนวิส ต่างๆ ที่ในงานจัดเตรียมไว้ให้ ถูกทยอยบรรจุลงในกระเพาะอย่างเป็นระเบียบ  การเดิมพันครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ เพราะหากเข้าแถวรายงานตัวแล้ว น้ำหนักไม่ถึง เราก็จะฟาวล์ไป ซึ่งคงเป็นเรื่องที่หน้าเสียดายที่มาตายตอนจบ

ตอนนี้เดาว่าร่างกายคงจะหนักอยู่ที่ประมาณ 85 กม. รวมกับรองเท้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ คงหน้าจะผ่านการชั่งในครั้งนี้แบบฉิวเฉียดแน่ๆ  แต่สถานการณ์นี้พลาดไม่ได้  ต้องหาของกินเพิ่ม ยิ่งเมื่อเจอเพื่อนนักวิ่งในช่วงนี้ การสนทนาเป็นไปอย่างกระฉับ เพราะในสมองมีจุดหมายเรื่องอื่นอยู่

ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงเติมน้ำผลไม้ไปอีก 3 แก้ว รวมถึงน้ำเย็นอีก 3 แก้ว  มั่นใจแน่ว่าผ่านชัวร์ จึงเดินไปเข้าแถว พร้อมกับเพื่อนคู่หูที่วันนี้ ได้ป้ายอันดับที่ 7 ระหว่างรอ ใจก็เต้นตุ๊ปตับ ลุ้นมาก ยิ่งฝรั่งข้างหน้า ฟาว์ลไปหลายคน จากน้ำหนักตัวที่ไม่ถึง ก็เริ่มเสียวสันหลังเหมือนกัน  ฤา นี่จะเป็นทุกขลาภ ถ้าวิ่งมาไม่ติดป่านนี้ ไปเดินตีพุง ดูสาวๆ สบายแล้ว

จนมาถึงคิวการชั่งของเรา ขาขวาบรรจงวางบนแท่นวาง และจึงตามด้วยขาซ้าย เมื่อเหลียวไปมองน้ำหนัก ป่วนเปี้ยนอยู่ที่ เลข 8X แต่ส่ายไปส่ายมา น่าเวียนหัว จนเข็มหยุดอยู่ที่ 85.5 รอดแล้วเฟ้ยยยย

เมื่อรายงานตัวจึงพบว่า อันดับที่ 3 ฟาว์ล น้ำหนักตัวไม่ถึง ข้าพเจ้าจึงเลื่อนอันดับมาอยู่ที่ 4 โดยปริยาย

ส่วนเพื่อนบอย จบที่อันดับที่ 6  แต่ไม่รู้จะไปรับกรอบรูปจากใคร?????

เรียงลำดับ จาก 5 ไป 1


ระยะจริง 9.83 กม

ไช้ ใช้เวลา 47.16
บอย ใช้เวลา 47.52

ไช้ 13  บอย 18


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น