วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Race 94 เช้านี้ที่พยาบาล

Race 94 เช้านี้ที่พยาบาล



"พยายามไล่แล้ว แต่สุดชีวิตแล้ว แต่ เกือบสลบเมื่อลงสะพานพระราม 8  ฤาว่าเราสตาร์ทเครื่องช้าไป"

นี่คือความรู้สึกที่อยู่ในใจ ที่ช่วงหลังในการวิ่งที่เกิดอาการพะวงทุกครั้งที่เมื่อปล่อยตัวแล้วระเบิดพลังทันที เพราะแทบทุกครั้งเมื่อวิ่งไปได้สักระยะ ก็มักจะหมด  จึงเป็นเหตุที่ทำให้ทุกครั้งในตอนปล่อยตัวจึงพยายามวิ่งเคาะ แต่ก็ทำให้วิ่งตามเพื่อนไม่ทันเสมอ

งานของสมาคมพยาบาลวันนี้ ดูบางตาไปมากเมื่อเทียบกับงานอื่นๆ แต่ทว่า ไฉน สมัครเรียบร้อยแล้วไม่มีเสื้อ ได้รับเพียงกระดาษหนึ่งใบให้ไปรับเสื้อ หลังจากนี้ 1 เดือน ที่ รพ. ซึ่งเราดูแล้วก็คงไม่ไปรับแน่นอน จึงไม่ได้ใส่ใจว่าจะให้ไปรับเสื้อที่ โรงพยาบาลไหน

งานนี้ด้วยที่นักวิ่งไม่ได้เยอะมาก จึงพยายามรักษาจังหวะในการวิ่งช่วงแรกให้ต่ำกว่า 5 นาที ให้ได้ ซึ่งสามารถทำได้ถึงระยะ 6 กม. ยกเว้น กิโลเมตรแรก ที่เป็นช่วงขึ้นสะพาน ทำให้ใช้เวลาไปมากกว่าปกติ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าวันนี้วิ่งดีแล้ว เพราะสามารถวิ่งแซงคู่หูไปได้ ในช่วงนี้ พร้อมทั้งสามารถแซงพี่ทศ พี่ที่ชมรมสยามรันเนอร์ ขึ้นไปได้อีก  ด้วยความกระหยิ่มยิ้มหย่อง ว่าวันนี้น่าจะลดช่องว่างการแข่งขันให้ลดลงมาได้แน่นอน แต่ความคิดยังไม่ได้ถูกเคลียร์ไปคิดอย่างอื่น ก็ถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง จากจังหวะที่ผ่อนความเร็วลงที่ กม ที่ 7 กลับโดนแซงโดย บอย โดยฉับพลัน กว่าที่ข้าพเจ้าจะตั้งหลักได้ บอย ก็ชิงจังหวะฉีกหนีออกไปไกล เกือบ 200 เมตรแล้ว

วันนี้ บอยวิ่งดีมาก ไม่มีตก จังหวะฉีกนี่ มันส์มาก  แต่ถ้าจะให้ดีน่าจะไปฉีกคนอื่นที่ไม่ใช่ข้าพเจ้า  2 กม.หลังข้าพเจ้าปรับสปีดขึ้นมาที่ ประมาณ 4.40 เพื่อไล่ให้ทัน และเกือบจะทันแล้วที่ปลายทางลงสะพานพระราม 8 ระยะห่างเหลือแค่ไม่ถึง 5 เมตร  แต่ปอดเหมือนจะระเบิด  ของที่กินเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ มันเริ่มสวนทางเข้าออกมา หูตาเริ่มลายอีกครั้ง จนต้องเบาเพื่อให้ไม่ของเสียจากร่างกายเราไปกระทบคนอื่น ซึ่งหากเราควบคุมไม่ได้ คงเป็นเรื่องที่อุจาดตาน่าดู

หลังจากผ่อนแล้ว อาการดีขึ้น  ยึงเริ่มเร่งอีกครั้ง แต่ก็สายไปแล้ว เพื่อถือของกินมารออยู่หน้าเส้นแล้ว

เจ็บจี๊ด

ระยะจริง 9.28 กม

ไช้  ใช้เวลา 45.33 นาที
บอย ใช้เวลา 45.09 นาที

ไช้ 12  บอย 18


วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Race 93 ครูอังคณา

Race 93 เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่


จากวลี "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" อันเรื่องชื่อเมื่อตอนต้นปี ของเจ้าโต๊ด มาบัดนี้ ข้าพเจ้าได้มาเยือนถิ่นดังในตำนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาเหยียบสนามนี้ ที่จัดโดยพี่นิพนธ์ บรรยากาศบ้านๆ เป็นกันเอง ของนักวิ่ง  มันช่างสร้างแรงกระตุ้นในการวิ่งเหลือคณา แต่อาการบาดเจ็บก็ยังคงมีติดตัวอยู่ตลอด จนทีแรกเดิมคิดว่าจะวิ่งแค่ฟันรัน เพราะรับปากมาวิ่งพร้อมเพื่อนแล้ว แต่สุดท้้าย การแข่งขันก็ยังเข้มข้นเสมอ  คู่หูวันนี้มีอาการป่วย น้ำมูกไหล  ส่วนตัวข้าพเจ้าเจ็บรองช้ำ ฤา นี่จะเป็นกีฬาเฟสปิคเกมส์กันแน่


หลังจากสมัครวิ่ง และทดสอบการวิ่งโดยการวอร์มประมาณ 10 นาที ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าสามารถวิ่งได้แน่จึงไปเตรียมเข้าจุดเพื่อปล่อยตัว แต่ด้วยความที่ออกมาช้า จึงทำให้ต้องไปอยู่ด้านหลังของจุดสตาร์ท และเมื่อสิ้นเสียงปล่อยตัว ได้เริ่มออกวิ่ง แต่กว่าจะฝ่าฝูงชนที่มีมาวิ่งกันอย่างคณานับ ก็ใช้เวลากว่า 5 นาที  เป็นระยะเกือบ 1 กม. จึงสามารถเร่งสปีดได้ วันนี้ตั้งใจประคองให้ pace อยู่ปริ่มขอบที่ 5 นาที ให้ได้ ซึ่งสามารถทำได้ แต่คู่หู คู่ฮา ผมสปีดไปไกลแล้ว

เส้นทางยังคงเป็นเส้นทางเดิม เฉกเช่นเดียวกับปีก่อน สะพานก็ยังระยะทาง ความชันเท่าเดิม หาได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ต่างกัน สามารถจับได้จากมโนภาพเก่าๆ ที่ปีก่อน จุดกลับตัวท้ายสะพาน จะมีมโหรี มาขับกล่อมเสียงเพลง เพื่อกระตุ้น ซึ่งมาวันนี้ ข้าพเจ้าพยายาม ใช้หูฟังตั้งแต่ขึ้นสะพาน จวบจนเดินทางสู่ปลายทาง พยายามใช้โสตที่มีอยู่ในการเสาะแสวงหา แหล่งบันดาลใจในปีก่อน แต่ก็ยังมิวาย พลาดสิ่งนั้นไป ฤา ว่าปีนี้ เค้าจะหมดงบประมาณ

หลังจากการกลับตัวอย่างเหงาหงอย ก็ทำให้สติสมาธิกลับมาสู่ที่ตัวอีกครั้ง กับภาพชายนักวิ่งที่วิ่งผ่านไปก่อนเราขึ้นสะพานได้ปรากฏกายขึ้น ระยะทางความยาวของสะพานนี้ อยู่ที่ประมาณ 500 เมตร นั้นหมายความว่า  ระยะที่จะต้องลดทอนลงมา ใน 5.5 กม ที่เหลือ คือ 1 กม ที่จะต้องพิชิตให้ได้

เปรียบเสมือน การวิ่งแข่ง คนหนึ่งวิ่ง 5.5 กม อีกคนวิ่งแค่ระยะ 4.5 กม. เพื่อจุดหมายปลายทางเดียวกัน

เพียงแต่ว่าชายที่ต้องวิ่ง 5.5 กม. นั้นยังมีพลังแฝงอยู่อีกมาก  ส่วนอีกคนไม่สามารถรู้ได้เลย อีกครึ่ง ชม. ต่อจากนี้ ถึงจะรู้กัน  นั่นคือสิ่งที่คิดเล่นๆ เพราะไม่คิดว่า คู่หู จะวิ่งแรงขึ้น หรือ หล่นลง  แต่ตัวข้าพเจ้าก็จะยังคงวิ่งด้วยจังหวะเดิม คือ 5 นาที เพื่อไม่ให้ภาระนี้หนักเกินไปสำหรับขาคู่น้อยๆ ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่

การวิ่งบนถนนซีเมนต์ เป็นอะไรที่เลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยงมาก เพราะถ้าอากาศร้อนมีแดดจัด พื้นจะยิ่งร้อน และทำให้เวลาวิ่งรู้สึกร้อนฝ่าเท้าอย่างมาก

ในที่สุด ข้าพเจ้าก็สามารถไล่มาทันจนได้ที่ กม.ที่ 10  แต่โดนคู่ปรับ ชวนวิ่งด้วยกัน เพราะมึนจากพิษไข้ (หารู้ไม่ถ้าเ้ข้าพร้อมกันข้าพเจ้าชนะ เพราะข้าพเจ้าออกตัวที่หลังเกือบ 10 วินาที )

ซึ่งก็สามารถเข้าเส้นชัยได้พร้อมกันตามที่คาด แต่ข้าพเจ้าชนะนะจ๊ะ  เรื่องนี้ถึงหูครูอังคณาแน่

ระยะ จริง 11.13
ไช้ ใช้เวลา 56.27 นาที
บอย ใช้เวลา 56.35 นาที

ไช้ 12  บอย  17

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Race 92 เพื่อครอบครัว

Race 92 เครือข่ายครอบครัว


งานเครือข่ายครอบครัว ปีนี้ ได้จัดขึ้นที่กระทรวงสาธารณะสุข นนทบุรี ซึ่งสนามนี้ ถือเป็นสนามทดสอบของกลุ่มสมันน้อย ที่มาฝึกวิ่งกับโค๊ชสถาวร ซึ่งวันนี้มาทดสอบกันคับคั่ง ต่างคนต่างมีเป้าหมายที่จะพิชิตกันทั้งนั้น เพราะในกลุ่มที่ฝึกด้วยกันอยู่มีฝีเท้าใกล้เคียงกัน

เท่าที่สังเกตุวันนี้ผู้มาร่วมงานไม่เยอะเท่าใดนัก เพราะคืนวันเสาร์มีฝนตกลงมา คิดว่าทำให้หลายคนตัดสินใจนอนต่อไม่เดินทางมาวิ่ง

ที่จุดสตารท์วันนี้ สายตาแทบทุกคู่มีความมุ่งมั่นกับการแข่งขันวันนี้ ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกัน ที่หวังว่าจะสามารถทำลาย PB ของเดือนก่อนให้ต่ำลงไปอีก การเล่นกับความเร็วนี่เหมือนสิ่งเสพติดจริงๆ ยิ่งได้ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นไปทุกๆครั้ง แต่็ทุกครั้งก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน

สิ้นเสียงปล่อยตัว วิ่งทยานออกไปด้วยความเร็วเพื่อสปริ้นหนี ในกลุ่มด้วยความเร็วมากกว่าต้นทุนตัวเอง ที่ pace 4:30  วิ่งไปสักพักจึงเริ่มผ่อนลง เพราะฝูงชนน้อยลง แต่ความจริงคือเร็วเท่านี้ ไปได้แค่นี้ เพราะ ร่างกายเริ่มต่อต้านสปีดนี้แล้ว พอผ่านจุดกลับตัวแรกที่ระยะ 2.5 กม. ขาเริ่มยกไม่ขึ้น กางเกงที่ีใส่รัดกล้ามเนื้อ เริ่มเสียดสี คิดว่าคงเป็นเพราะขนาดเล็กเกินไป รู้สึกถึงอาการแสบ เท้าที่เจ็บ เริ่มเจ็บขึ้นอีกครั้ง พยายามประคองระดับความเร็วให้อยู่ที่ต่ำกว่า 5 นาที ต่อ กม. เพื่อพยายามรักษาระยะ ที่กลุ่มนำที่ฝีเท้าใกล้เคียงกัน ที่วิ่งกันอยู่ ทั้งพี่นง พี่วิเชียร และน้องโก ซึ่งตอนนี้บอย กับพี่ย้ง ตามหลังอยู่ ส่วนกลุ่มหลังที่หลังสตาร์ทแล้วที่ข้าพเจ้าแซงมา ซึ่งก็ยังไม่เห็นตามขึ้นมาก็มี คุณป้อม พี่ประสิทธิ์ พี่จุ่ม พี่โสภา ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่รวมกลุ่มแนวหน้า มีไคลฟ์ หมวดตุ้ย เอ็ม เป็ด และ 
ม๊อก ที่กดเทอร์โบตั้งแต่ออกตัวแล้ว

หลังจากวิ่งไปถึงจุดกลับตัวที่ 2 ตรงหน้าโรงพยาบาลศรีธัญญา เริ่มเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ตาเริ่มลาย และหูเริ่มอื้อ จึงต้องผ่อนความเร็วลงอีก จนเกาะกลุ่มนำไม่ได้แล้ว เลยต้องปล่อย พี่นง กับ โก ไป  แต่จากนั้นไม่นาน ก็โดนนิวตันคู่แรงของพี่ย้งเก็บ ไปอีกที่ เริ่ม กม. ที่ 9  ซึ่ง 2 โลหลังของเฮียแกแรงจริง ๆ สมกับที่ซ้อมสปีด 2 โลหลังมาตลอด ซึ่งต่างกับข้าพเจ้าที่เหมือนหัวใจจะออกจากล่าง

ซึ่งพยายามจะเร่งแต่ก็เร่งไม่ขึ้น แต่ก็ยังดีที่งานนี้ บอยตามขึ้นมาไม่ทัน เห้อ รอดไปอีกงาน 
อยากจะบอกว่าถ้าเสื้อไม่เหมาะกับวิ่งแล้วเอามาใส่เนี้ย ตัวแทบระเบิด เพราะหลังวิ่งจบ ถอดเสื้อเกือบขว้างทิ้งแล้ว ดีที่ว่ามันแพงและสปอนเซอร์ให้มาด้วยอิอิ  ตอนนี้แขวนเสื้อไว้ใส่ชมวิวอย่างเดียวแล้ว






ระยะทาง จริง 10.3 กม.

ไช้ ใช้เวลา 50:39 (จากข้อมือตัวเอง)
บอย ใช้เวลา 51:07

ไช้ 11 vs บอย 17