ดังที่กล่าวไว้ในหลายตอนก่อน ว่า มาราธอน ถ้าให้เหมาะลงปีนึงไม่เกิน 2 ครั้ง เหมือนดังโฆษณาสรรพคุณ เครื่องดื่มชูกำลังอะไรอย่างนั้น
ในที่อาจอนุโลม รายการนี้ไว้ เพราะไม่ใช่มาราธอน
น้ำที่เจิ่งนอง คงบ่งบอกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ |
ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน วนอยู่หลายรอบ กว่าจะหาสถานที่จัดงานเจอ ก็เล่นเอาเหงื่อตกไม่ต้องวอร์มกันซะทีเดียว
ก้าวแรกที่เข้ามาที่สวนพฤกษ์ นั่นไม่น่าเชื่อว่า อยากจะบอกว่า ................................................ ................................................ ................................................
................................................
................................................
????????????????????????????
"พี่ครับ ห้องน้ำอยู่ไหนครับ" มันจะมาอะไรตอนนี้ครับท่าน หลังจากจัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ได้เวลากลับไปหาเบอร์และชิพ กับพี่ๆ ที่ล่วงหน้าไปก่อน จัดแจงติดเบอร์ รัดชิพ ไม่ให้มันหาย เพราะถ้าชิบหาย ต้องจ่าย 500
เร่งเเต่งตัว เปลี่ยนผู้แข่งขันตามกำหนดเดิม |
สำหรับ การวิ่งเดี่ยว แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องลุ้นสำหรับทีม ที่จะลงผลัด เนื่องจากไม้หนึ่ง น้องยุ้ย ยังเดินมาไม่ถึง จึงต้องรีบเปลี่ยนแผนการส่งคุณเมย์ลงไม้หนึ่งแทน
ซึ่งระหว่างรอการปล่อยตัว น้องยุ้ยก็มาถึง การเปลี่ยนตัวคืนก็เกิดขึ้นในตอนนั้นทันที
เรียกว่าเสี้ยววินาที ทุกคนช่วยกันเข้าไปติดเบอร์ ติดชิฟ ผมก็เกือบคล้อยตามไปช่วยน้องเค้าติดเบอร์แล้ว 55+
หลังฝนผ่านไป เริ่มจับกลุ่มวิ่งเป็นชมรม เป็นที่สนุกสนาน |
งานวิ่งนี้ ผมเตรียมกางเกง เสื้อ ถุงเท้า และรองเท้ามาเปลี่ยน เต็มที่
เพราะการวิ่งในสภาพที่ตัวแห้งย่อมดีกว่า เปียกเหงื่อแล้ววิ่งเป็นแน่
สนามสวนพฤกษ์ รอบละ 800 เมตร เป็นเส้นทางลาดยางที่ค่อนข้างโอเค กับการวิ่งระยะไกล ร่มไม้ที่ประดับประดา ข้างทาง ช่วยบังแสงแดดได้เป็นอย่างดี อุปกรณ์ต่างๆ วันนี้ มีชมรมมา ไม่ต้องหอบมาวิ่ง สามารถวางไว้ที่เต็นท์ที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้ เพราะมีเพื่อนที่มาวิ่งผลัด คอยเฝ้าของให้
สภาพขณะฝนตก ช่างภาพก็ไม่ย้อท้อ หาวิธีถ่ายจนได้ |
เมื่อฝนตกก็ได้เห็นอะไรหลายอย่าง อย่างแรกคือ หาถุงครับ หาถุงจริงครับ เพราะต้องมาใส่โทรศัพท์ที่จับ GPS อยู่ โทรศัพท์รอดการเจ๋งไปได้อีกคราหนึ่ง
สิ่งที่สองที่ได้เห็น คือความเตรียมพร้อม เชื่อหรือไม่ครับ มีนักวิ่ง เตรียมเสื้อกันฝนมาวิ่งด้วย บางคนเตรียมร่มมา วิ่งไปกางไป เป็นที่เฮฮา ซึ่งฝนนี่ทำให้อุณหภููมิร่างกายเราลดลง ทำให้วิ่งได้ดีขึ้นจริงๆ ถ้าไม่เชื่อ ท่านลองไปวิ่งตากฝนดูกันครับ
ซึ่งตามแผนการณ์ เราก็ควรจะเปลี่ยนเช่นเดียวกัน แต่ปัญหาตอนนี้คือเครื่องติด และวิ่งกันเป็นกลุ่มจะถอนตัวออกมาก็เกรงใจ และตอนนี้ ในใจอยากวิ่งให้จบระยะมาราธอนรวดเดียวเลย แล้วค่อยหยุดพัก กินข้าวแล้วค่อยมาวิ่งต่อ
เลยฝืนวิ่งทั้งเปียกๆ ไป โดยลืมคิดถึงผลที่จะตามมาในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
งานนี้เป็นงานที่ชอบอีกงานเพราะใช้ชิพ เป็นตัวเช็ครอบ ไม่ใช่ เช็คพอยน์ เหมือนงานนั่นที่กล่าวถึง ซึ่งทำให้ตัดภาระรอบกายไปได้เยอะมาก
30 กม ผ่านไป กลุ่มก็แตกจนได้ เพราะข้าพเจ้านั่นแหละ ที่วิ่งตามไม่ไหว เล็บที่หายไปเริ่มส่งสัญญาณ ความเจ็บปวด
น้ำที่ขังในห้องเท้า เสื้อผ้าที่เปียก ผ้าเช็ดหน้าที่คอยเช็ดน้ำตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างส่งผลออกมาแล้ว ณ กม แห่งนี้
เท้าพองน้ำครับ หน้าไหม้จากผ้าเช็ดหน้าที่หยิบขึ้นมาเช็ดตลอดทาง
ทุกคน ยกเว้น ผม วิ่งเข้าเต้นท์ เพื่อเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เป้าหมายของผมคือวิ่งให้ครบมาราธอนแล้วค่อยหยุด ยังตามหลอกหลอนอยู่ ซึ่งแผนนี้คือแผนในภาวะปกติ
แต่นี่ฝนตก ไย ผมไม่ปรับแผนตามสภาพภูมิิอากาศ
การฝืนนั้นส่งผลทำให้ การวิ่งไม่สนุกเลย เป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องบรรจุไว้ในพจนานุกรม ประสบการณ์ของข้าพเจ้า อีกคำรบหนึ่ง
ฝืนวิ่งจนกระทั่งไม่ไหว ต้องหยุดแล้วเดินให้ครบมาราธอน
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วยังไงต้องเอาให้จบก่อนแล้วค่อยว่าักัน
นั่นคือสิ่งที่คิดระหว่างการวิ่งตอนนี้ 4:44:03 ตอนนี้วิ่งไปได้ 40 กว่ารอบแล้ว เรียกได้ว่า ถ้าเป็นกล้วย ก็งอมสุก แทบจะเละแล้ว
ผมไม่สร้างภาพครับงานนี้ ผมเดิน ไม่สนใจใครทั้งสิ้น ใครจะถ่ายรูป ใครจะแซว งานนี้ไม่มีสนใจครับ
เพราะทุกรอบที่วิ่ง มักจะสนุกกับบริเวณจุดสตาร์ท ของเหล่ากองเชียรที่ใส่กันสุดฤทธิ์
และที่สำคัญกลิ่นของกระเพราไก่ ที่หอมยั่วยวนมาก จะไม่หอมได้ยังไง มันใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว
สุดท้ายก็พยายามวิ่งจนครบมาราธอนจนได้ เห้อ เราจะได้พักแล้วครับ ตะคริวไม่กินครับวันนี้ แต่เท้าเละ
เมื่อครบระยะมาราธอนก็ได้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าและอุปกรณ์ทุกอย่างแล้ว แต่สุดท้ายอะไรไม่รู้ดลใจอยากให้การวิ่งนี้จบไปเร็วๆ เลยเลือกที่จะเปลี่ยนแค่ถุงเท้าและรองเท้าเท่านั้น
จากนั้นก็ถืงเวลากินมาราธอน ซัดกระเพราไก่ ไข่ต้ม ไปสองจานพูน ๆ พลังงานพร้อม ที่จะออกไปเดินให้ครบระยะ 48 กม ภายใน 10 ชม แล้ว
เมื่อมานึกย้อนแผนตัวเอง ในครั้งนี้ บอกได้เลย ว่าเป็นแผนที่ห่วยแตกมาก เพราะถ้าเราทยอยๆ วิ่งไปเรื่อยๆ พักไปเรื่อยๆ ในเวลา 10 ชม ยังไงก็พิชิตได้ มิหนำซ้ำอาจจะวิ่งได้ถึง 60 กม ก็เป็นได้
แต่นี่คือการวิ่งในสไตล์ของเรา ที่ต้องรับผิดชอบแผนการวิ่งเอง
กินข้าวเสร็จแรงมา รองเท้าใหม่ เลยฉลองด้วยการวิ่ง แอ็คชั่นซะหน่อย
มาถึงตอนนี้ แดดเริ่มมาแล้วครับ วิ่งไปได้สักพักเีดียว ก็กลับมาเร่งเดิน ในสปีด 12 นาที ต่อ กม
เพื่อให้จบการแข่งขัน ให้เร็วที่สุด
จะได้ออกมาเชียร์เพื่อนๆที่แข่งวิ่งผลัดกันอยู่
และในที่สุดการเดินของผม ก็เสร็จสิ้นภาระกิจ
วิ่งอย่างไรให้ได้ 48 กม ภายใน 10 ชมเสียที
ภาพบรรยากาศ 6 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน
ปิดท้าย ด้วยภาพ รวม Endomondo ทีม
ไช้ ป้อม โก |
ถ้วยแรกในชีวิต แต่ไม่ได้จากการแข่งขัน เพราะเค้าแจกทุกคนที่วิ่งระยะถึงกำหนด |
ไช้
วันแรงงานแห่งชาติ 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น