วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

Race 82 Reverse Charging.

Race 82  Exat 100 Years Mini Half Marathon

หลังจากใช้ นาฬิกา Garmin มาเป็นตัวช่วยในการใช้จับระยะทางและบอก Pace การวิ่งมา 6 เดือน อาการเจ้ากรรมที่เคยประสบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับนาฬิกา ย้อนกลับมาส่งผลอีกครั้ง

เย็นวันเสาร์หลังจากซ้อมปกติเรียบร้อย นาฬิกา แบตเตอร์รี่ ก็เริ่มอ่อนลง  ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ข้าพเจ้าจะทำการชารต์แบตทิ้งไว้จนถึงตอนเช้า   ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาเกือบ 6 เดือนแล้ว แต่เช้าวันนี้ หาได้เป็นเช่นวันนั้นไม่ เพราะหลังจากที่ข้าพเจ้าเข้านอนไปนานพอสมควร  ก็ได้ยินนาฬิกา ดังติ๊ดๆๆ จึงหยิบขึ้ันมาดูเห็นว่ามันข้างอยู่ที่ 20% ก็เลยคิดว่า สายชารต์คงหลุดตั้งแต่เมื่อคืน โดยไม่ได้คิดอะไร จึงถอดออก และ ชาร์ตใหม่ โดยนอนต่อ ซึ่งยังไม่ทันนอน เสียงมันก็ดังนี้ จึงหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง ปรากฏว่าหน้าปัดแสดงความจุของประจุไฟฟ้า กลับเหลืออยู่ที่ 5%

คราวนี้นอนไม่หลับแล้วครับ จึงต้องลุกขึ้นมาปรับแต่ง เช็ดขั้ว และลองชารต์ดูอีกที  ครานี้ แบตเริ่มเดิน หน้า จาก 5% ไป 6 ไป 7 รอจนถึง 50%

ค่อยโล่งใจ เข้านอนต่อ เพราะไม่คิดว่าจะมีเหตุการ์อะไรกับอุปกรณ์ข้างกาย

ซึ่งเป็นการสันนิษฐานที่ผิดพลาด เพราะเมื่อถึงเวลาปลุกของนาฬิกาคือ ตี 3 ครึ่ง ข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้เช็คนาฬิกา แค่เอาอแดปเตอร์ออกจากเต้าเสียบเท่านั้น  จากนั้นก็จัดแจงทำธุระส่วนตัว จัดเตรียมอุปกรณ์ พร้อม และเริ่มเดินทางสู่จุดหมายปลายทาง   การเดินทางวันนี้ไม่มีหลง เพราะข้าพเจ้ากับน้องโก ได้ไปสำรวจเส้นทาง และสมัครวิ่ง เมื่อวันเสาร์หลังจากซ้อมเรียบร้อย ซึ่งแน่นอน ข้าพเจ้าหลงทาง ล่วงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว กับ การไปวนข้ามสะพานภูมิพล 1-2 ย้อนกลับไปกลับมาเรียบร้อย  จะไม่ให้หลงได้ไง ใครจะรู้ว่าสถานที่จัดงาน ตั้งอยู่บนทางด่วน ตรงด่านเก็บเงินเลย  ซึ่งข้าพเจ้าเลือกตัดสินใจไม่ขึ้นทางด่วน เลยต้องกลับไปวนเล่นที่ฝั่งธนบุรี 1 รอบ

เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ จัดแจงไปสมัครวิ่งให้หลาน เพิ่ม เพราะ เมื่อวานไม่ได้สมัครให้ และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องวอร์มและยืดเหยียด ปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเปิดนาฬิกาเพื่อจับสัญญาณ GPS แบตเตอร์รี่แจ้งเตือน Low Battery ขึ้นมา  มีแบตอยู่ในเครื่องแค่ 10% เห้ยเป็นไปได้ไง แต่ไม่มีเวลาจะคิดแล้ว จึงวิ่งกลับไปที่รถเพื่อเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจับเวลาแทน  ระยะทางจากจุดสตาร์ทวิ่งลงทางด่วนไปถึงด้านล่าง แล้ววิ่งไปที่จอดรถครั้งนี้ ร่วม 3 กม ทำให้เมื่อไปถึงรถและกลับขึ้นมาข้างบน นี่แทบไม่ต้องวอร์มเลย ขึ้นมาก็ยืดเหยียดได้ทันที

ด้วยความกลัวความรำคาญ จึงขอยืดที่รัดแขนใส่โทรศัพท์ ที่วันนี้หลานเตรียมมา มาใช้กับตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดอาการรำคาญเวลาวิ่งเหมือนแต่ก่อน

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยตัวเฉย  เห้ยยๆๆๆ ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย น้ำก็ยังไม่ได้กิน ห้องน้ำก็ยังไม่ได้เข้า  สุดท้ายก็ต้องวิ่งตามๆ กันไป   ความคาดหวังแรกหลังจากที่ได้รับข่าวสารว่าจะมีการปิดทางด่วนให้วิ่ง นี่ถือเป็นเรื่องน่าตื้นเต้นมาก เพราะไม่คิดว่าจะทำได้จริง  ซึ่งความเป็นจริงในวันนี้ ก็เป็นเช่นนั้น ไม่ได้มีการปิดทางด่วนจริง เพียงแต่มีการปิดถนนฝั่งซ้าย 2 ช่องทาง พร้อมตั้งกรวย ตลอดเส้นทาง เพื่อความปลอดภัย ให้นักวิ่งได้วิ่ง ก็ยังดี

7 กม แรกด้วยความที่เครื่องร้อนจากการวอร์ม และต้องการผลการวิ่งที่ดี ทำให้ ออกตัวด้วยความเร็วที่ผิดวิสัยตัวเอง กับการวิ่งระยะครึ่งมาราธอน  แซงทั้งคู่ปรับเก่า ทั้งพี่ย้งและชอง มาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง สงสัยจะเป็นเพราะฟิตจากการลงมาราธอน

8 กม จู่ๆ ก็เกิดอาการจุกท้องขึ้นมา พยายามลดความเร็วลง ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกว่าจะหายจุด แต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อวิ่งผ่าน กม ที่ 10  แถมหนำซ้ำยังเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมา ตัวเอนไปเอนมาระหว่างทาง จึงตัดสินใจหยุด เพราะหากฝืนต่อไป อาจจะวิ่งตกทางด่วนก็ได้ จะย้อนกลับก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจเดินชมทางด่วน ไปเรื่อยๆ และไปหยุดถ่ายรูปจากมือถือ บริเวณ กมที่ 13  ซึ่งก็เจอป้อมวิ่งผ่านมาตรงจุดนี้  กล้องที่ถ่ายจากมือถือภาพเสียหมด เพราะแสงไม่่ได้ เนื่องจากฟ้ายังมืดอยู่



จากนั้นก็วิ่งบ้างเดินบ้าง เพื่อไม่ให้เบื่อ ขึ้นสะพานก็เดิน ลงสะพานก็อัดชดเชย  แต่เอ๊ะทำไมเจอแต่ทางขึ้นตลอดเลยฟร่ะ  ระหว่างทาง ก็เจอกับพี่อู๊ด และ น้องอ้อ วิ่งมา ซึ่งวันนี้เป็นการวิ่งฮาล์ฟงานแรกของน้องเค้า ได้รู้จากที่คุยกันระหว่างทาง   เลยร่วมวิ่งกลับเข้ามาพร้อมกัน กว่าจะจบงานนี้ ก็เล่นเอาสะบักสะบอม เหมือนเดิม

ระยะทาง  21.63 กม

ไช้  ใช้เวลา  2:21:29
บอย ใช้เวลา ???????? แต่เข้าก่อนเรานานมาก

ไช้ 7 VS บอย 14
งานนี้บ๊วยครับ แพ้ทุกคนเลย

จะจะ หมดสภาพบนทางด่วน ดีไม่ต้องเรียกรถยก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น